ภูกระดึง...ผู้หญิงคนเดียวก็เฟี้ยวได้ เพราะใจอยากมาถึงได้มา (เที่ยวปลายปี 2019 ก่อนโควิด-19 ระบาด) ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าอยากไปที่ไหนสักที่ ใจมันร่ำร้อง คิดวนเวียนอยู่นั่น ว่าต้องไป จะต้องไปให้ได้ สุดท้ายก็ได้ไป สุดปลายขุนเขา...ภูกระดึง สิ้นสุดการรอคอย ตัดสินใจจองตั๋วรถทัวร์ ไม่กี่วันก่อนเดินทาง จากนั้นเข้าไปหาข้อมูลการเดินทาง แนวทางการปฏิบัติตัวจากคนที่เคยมีประสบการณ์จากเว็บไซต์พันทิป มีหลายกระทู้ให้เลือกอ่าน ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เตรียมร่างกายให้พร้อม ซ้อมเดินให้ชิน มีแต่ใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องประเมินสังขารตัวเองด้วย ใช่ค่ะ ในใจหวั่นไหวมากมาย เพราะแทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย มีแต่ใจล้วน ๆ คิดแค่ว่าเอาวะ ลองสักตั้ง ไม่ใช่อะไร จองตั๋วไปแล้ว เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่น่าทัน ถึงทันก็ไม่เปลี่ยน เสียดายตังค์ (ฮา) ขาไป จองผ่านออนไลน์ของ บขส.999 ม4ก ราคา 633 บาท เลือกปลายทางที่วังสะพุง รอบ 21.30 น. ถึงประมาณตีห้าครึ่ง ตอนอ่านพันทิป ทุกคนบอกเหมือนกันเลยว่า คนลงตรงผานกเค้าเยอะ ไม่ต้องกลัว พนักงานบริการ ย้ำให้สบายใจเช่นกันว่า คนลงตรงนี้เยอะ พอถึงเวลา ... ลงคนเดียวจ้า โดดเดี่ยวมากเวอร์ ฮ่า ๆๆ เข้าใจได้ ไปวันธรรมดาอะเนอะ ถึงจะดูเหงาหน่อย แต่พอเห็นแสงไฟจากร้านเจ๊กิม เลยเดินดุ่ย ๆ ข้ามถนนไปด้วยใจชื้น เห็นคนพร้อมเป้ใบใหญ่หลายคนนั่งหน้าร้าน มั่นใจว่าจุดหมายเดียวกันแน่ ระหว่างรอรถสองแถวแดง เลยสั่งข้าวต้มกิน เสร็จแล้วเดินไปหลังร้าน เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน พอใกล้จะ 07.00 น. ได้เวลาขึ้นรถแดงพร้อมเพื่อนนักเดินทางไปอุทยานฯ ก่อนเข้าอุทยานฯ ต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วยนะจ๊ะ คนไทย 40 ต่างชาติ 400 พอไปถึง ก็ไปติดต่อเช่าเต็นท์ที่ช่อง 3 (ช่อง 1 จองออนไลน์ /ช่อง 2 เอาเต็นท์มาเอง) จ่ายค่าเสียหายประมาณ 400 กว่าบาท 2 คืน จากนั้นเดินไปด้านหลัง เพื่อฝากสัมภาระให้ลูกหาบ กิโลละ 30 บาท ค่าบัตร 5 บาท เสียค่ากระเป๋าทั้งสิ้น 150 บาท ไปจ่ายข้างบนตอนรับของทีเดียว ส่วนเราก็เดินตัวปลิว พกเป้ที่มีแค่น้ำ ขนม ทิชชู และก็เงิน และไม้ เท่านั้นพอจ้ะ สำหรับใครที่ไม่มีรองเท้าเดินเขา แวะซื้อรองเท้าผ้าใบตรงร้านค้าในอุทยานฯ นั่นแหละ 80 บาท เดินอย่างดี ใช้อย่างคุ้ม เริ่ม...เดิน เดิน เดิน เดินไปตามทาง ซำไหนมีร้านค้า ก็นั่งพักมันทุกซำ สนุกดี ใครที่บอกว่า ซำแฮก หนักสุด นี่ขอเถียง มันแค่เริ่มปฐมบทจ้ะ แค่เริ่ม ย้ำ แค่เริ่มจริง ๆ เดินไปพักใหญ่ ต้องมีคำนี้ผุดขึ้นในความคิด "ภูกระดึง จะถึงเมื่อไร?" แต่ละก้าวนะ รู้สึกว่าเป็นหนึ่งกิโลเมตรที่ยาวไกลมากกก สำหรับอิชั้นแล้ว จุดที่หนักสุด น่าจะเป็นซำสุดท้ายก่อนถึงหลังแป ทั้งสูงทั้งชัน และเริ่มหมดแรง คิดถึงหน้าแม่ญาติพี่น้อง ฉันมาทำอะไรที่นี่ หรือจะเอาชีวิตมาทิ้ง พอถึงหลังแปตรงที่มีป้ายเขียนว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงต้องถ่ายรูปคู่กับป้าย เข้าใจพวกคุณแล้วค่ะ แต่อิชั้นไม่ได้ถ่าย เหนื่อย !! จะตายให้ได้ 555 นั่งพักอย่างเดียว ได้แต่มองตาปริบ ๆ ท่อนเพลงที่ดังในหัวตอนนั้นคือ We are the champions... นึกอย่างชูกำปั้น แล้วตะโกน "ถึงภูกระดึงแล้วโว้ยยย" ยังไม่จบแค่นั้นจ้ะ ต้องไปต่ออีกประมาณสามกิโลเมตร จะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว หรือที่เราต้องนอนนั่นละ ไม่ใกล้เลยแม่ . เมื่อถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว ต้องไปติดต่อเรื่องเต็นท์ หมอน ผ้าห่ม จ่ายตังค์ตรงนั้นเลย แล้วเอาไปจัดการให้เรียบร้อย ส่วนกระเป๋าตามมาทีหลัง ระหว่างรอ เพิ่งบ่ายกว่า แน่นอนว่า ไม่อยากปล่อยให้เวลาว่าง กะเดินเล่นเรื่อย ๆ ไปที่มันใกล้ ๆ ก่อน โชคเข้าข้างอีกรอบ เจอน้อง ๆ อาจารย์เขามาเป็นกรุ๊ป 6 คน ชวนให้ไปด้วย เขาสงสารแหละ เห็นมาคนเดียว ทุกคนน่ารักมาก เส้นทางที่พวกเราเริ่ม คือผาหมากดูก ต่อด้วย ผาจำศีล ผาน้อย และผาเหยียบเมฆ เป็นลำดับสุดท้าย ไปไกลกว่านั้นไม่ได้เพราะมืดแล้ว ขนาดหยุดอยู่แค่นั้น ยังกลับมาถึงที่พักทุ่มครึ่ง แบบร่างแหลก แต่ร่างจะแหลกสลายยังไงก็ต้องอาบน้ำนะจ๊ะ น้ำเย็นมากบอกเลย เหมือนน้ำแข็งละลายอะ เป็นค่ำคืนที่หลับตายเลยจริง ๆ ไม่ฝัน ไม่รู้สึกตัวอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งเช้า เช้าวันใหม่...ประมาณตี 4 ครึ่ง เสียงผู้คน ไฟฉายส่องไปมานอกเต็นท์ นึกว่ามีอะไร ได้ยินเสียงตะโกนบอกกันว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น หูผึ่งเลยจ้ะ ดีดตัวทันที ความอยากไป ไม่สนใจขาที่ปวด รีบลุกอย่างไว ไปเลย ทั้งอย่างนั้น ไม่แปรงฟัน ล้างแค่หน้าอย่างเดียว อย่างที่เขาร่ำลือแหละว่า ณ ผานกแอ่น คือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย ชมบรรยากาศจนพอใจ ขากลับไปเดินไปทางลานวัดพระแก้ว แวะไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล มาถึงลานอุทยานฯ เดินหาอาหารเช้า เสร็จเรียบร้อยเพิ่งนึกได้ว่า เหลือตัวคนเดียว น้องกลุ่มเมื่อวาน เขากลับกันวันนี้ ตั้งใจว่าจะไปเช่าจักรยาน พอเห็นราคา สามร้อย สี่ร้อย เปลี่ยนใจเดินดีกว่า (ตอนนั้นเงินติดตัวไม่พอ ฮา) เอาแผนที่มากาง เริ่มที่น้ำตกวังกวาง ที่ใกล้ที่สุด เดินไปคนเดียววังเวงสุด โชคดีมีน้อง ๆ กลุ่มหนึ่งตามหลังมา คุยกันเสียงดัง ตอนนั้นคือรู้สึกดี ดีใจไม่เดียวดายแล้ว กระทั่งมาถึงน้ำตก ที่นี่ทำให้เจอกัลยาณมิตร ที่กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางกันวันนี้ . สองสามีภรรยา อายุ 58 ปีทั้งคู่ น่ารักมาก ชวนให้ไปด้วยกัน นั่นล่ะค่ะ การเดินมาราธอนของเราสามคนจึงเริ่มต้นขึ้น จากน้ำตกวังกวาง พวกเราเดินไปยัง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ,น้ำตกโผนพบ ,น้ำตกเพ็ญพบ ,น้ำตกถ้ำใหญ่ ไปต่อที่ สระอโนดาด ,ผาเหยียบเมฆ ,ผาแดง จุดหมายคือ ผาหล่มสัก ขากลับ ผ่านผาแดง ,ผาเหยียบเมฆ ,ผานาน้อย ,ผาจำศีล ,ผาหมากดูก ถึงที่พักเวลา 19.00 น. พอดี รวม 20 กิโลฯ กว่า ...เกือบตาย อย่าหาทำ ค่ำคืนนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลับตายแค่ไหน ที่สำคัญปวดขามาก เตือนกันตรงนี้เลย ใครที่กำลังเดินทางไปภูกระดึง โดยเฉพาะคนที่ไปคนเดียว ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยังไงเกาะกลุ่มไปเพื่อนนักเดินทางคนอื่นนะคะ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ ส่วนใหญ่ใจดี ยินดีให้ไปด้วยอยู่แล้วล่ะค่ะ เช้ามา รีบเก็บของลงจากเขา เพราะคิดว่าถ้าช้ากว่านั้น ไม่ไหวแน่ ลงมาถึงอุทยานฯ รอกระเป๋าจากลูกหาบสักครู่ (จ่ายราคาเดิมเลย 150 บาท) จากนั้นก็ไปขึ้นรถสองแถวที่จอดอยู่หน้าที่ทำการฯ กลับไปยังร้านเจ๊กิม ใครที่ยังไม่มีตั๋วกลับ สามารถซื้อตั๋วที่อยู่ร้านติดกันนั่นละ มีตู้ atm ให้กดตังค์ด้วย สำหรับคนที่เงินสดหมด กลับถึง กทม. โดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำประทับใจ **รูปภาพถ่ายเอง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !