สวัสดีค่าาาา!!! วันนี้ก็มาเจอกับเมอีกแล้ว รอบนี้เมมาทุกคน ต้องไม่ผิดหวังแน่ๆ บอกเลยว่า “เมรญา” คนนี้มาทั้งทีต้องไม่ธรรมดา ซึ่งวันนี้เมกับความสวยงาม พบกับสีเขียวขจี แต่เดี๋ยวก่อน ตื่นก่อนค่ะซิส !! ความสวยงามที่ว่าแลกมากับการต้องเดินเท้าเกือบ 10 กิโล อิเเม่!! ใช่แล้วค่ะ วันนี้เมจะพาทุกคนไปเดินขึ้นภูนั่นเอง แตประเด็นมันไม่ใช่ภูธรรมดานะสิ มันคือ “ภูกระดึง” สำหรับ “ภูกระดึง” แน่นอนว่าชื่อเสียงของเขานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นับได้ว่าเป็นยอดเขาในดวงใจที่หลายๆคน อยากไปพิชิตสักครั้งในชีวิต ใช่อีกแล้วค่ะ! หนึ่งในนั้นก็เป็นอิฉัน “เมรญา” คนดีคนเดิมค่ะ นับว่าเป็นทริปที่เมกับสหาย มายมิ้นเพื่อนรัก ตัดสินใจ ตอนเที่ยงวันแล้วก็ไปตอนเที่ยงคือ เอ้อ มันเริ่ดไม่ไหว ! ตัดสินปุ๊บ จองตั๋วปั๊บ เค! เยี่ยม Let go! เริ่มการเดินทางได้ ขึ้นรถทัวร์ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลก แห่งที่ 2 (ขนส่งใหม่) เราขึ้นรถของสมบัติทัวร์ ได้ตั๋วรอบ 00.30 เป็นการคำนวณแล้วว่า จะให้ไปถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเลย ประมาณ 04.00 เราจึงเลือกรอบนี้ การเดินทางจากพิษณุโลก ไป เลย ใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง แค่กระพริบตา เอ้า! งงค่ะ ถึงแล้ว เมไปในช่วงเดือนมกราคม คือ หนาวมากๆ มากถึงมากที่สุด ที่ขนส่งอุณหภูมิ 12 องศา แข็งจ้า แต่เรายังต้องเดินทางกันต่อ เมื่อเราถึงขนส่งแล้วเราต้องนั่งรถทัวร์ไปลงที่ผานกเค้า เพื่อที่จะต่อสองแถวขึ้นอุทยาน ซึ่งรอบรถก็มีประมาณนี้เลยจ้า ราคาประมาณ 50-60 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะ เมมิ้น สองสหายก็เริ่มเดินทางต่อ ถึงผานกเค้าแล้วค่าใช้เวลาเดินทาง เกือบ 1 ชม. จากนั้นก็ต่อรถสองแถวไปที่อุทยานต่อเลยจ้า (ค่าสองแถว คนละ 30 มั้ง!! 55) นั่งรถไปถึงอุทยาน จ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 30-40 อันนี้ก็ไม่มั่นใจ555 ค่ากางเต้นท์(เมเอาเต้นท์ไปเองน้า) จากนั้น เอากระเป๋าไปให้ลูกหาบจ้า ใช่ค่ะ ! เมไม่เเบกขึ้นเอง 555 ค่าลูกหาบน่าจะกิโลละ 30 บาทนะ อิเมโดนไป เกือบ 300 บาท ค่ะทุกคน นับจากวินาทีนี้ไป เราจะลุยกันแล้วค่า✌🏻 ของจริงรออยู่แล้ว การเดินขึ้น “ภูกระดึง” เราจะเดินขึ้นภู 5.5 กิโล แล้วเดินทางราบอีก 3.5 กิโล ร่วงหรือรอด มาดูกัน เมมิ้น Let go!! เมกับมิ้นเริ่มเดินทาง 8 โมงหน่อยๆ โดยการเดินทางขึ้นภูกระดึง จะมีจุดพักระหว่างทางตลอด เดินไปได้กิโล กว่าๆ เจอซำเเรก คือ “ซำแฮก” เป็นซำที่ชันไม่เบาเลยค่ะ เล่นเอาหอบแฮ่กๆ สมชื่อเลยจ้า พักไปเกือบ 10 นาที (อย่าลืมพกน้ำไปด้วยนะ) แต่เรายังสู้ ไปต่อค่ะ จากนั้นเราก็จะเจอซำไปเรื่อย ตลอดเส้นทางที่เดิน ซึ่งแต่ละซำก็จะมีของกินขายตลอด ราคาก็อัพขึ้น ตามความสูงของภูเลยจ้า ไปต่ออีกค่ะ เราเดินขึ้นสูงเรื่อยๆ เราจะได้เห็นความงามของป่าในระหว่างที่เราเดินทาง บอกเลยว่ากล้องตัวไหนก็ถ่ายได้ไม่สวยเท่ากับความทรงจำของเรา งิงิ คำพูดคมชะม้า555 จนมาถึงซำสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นหลังแป คือสุดจริง ปราบเซียนเลยก็ว่าได้ ทั้งชัน หิน ลื่น สูง มาครบเลยค่ะ แต่เราก็ไปกันต่อค่ะ มาขนาดนี้แล้วแม่! “กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” เพลงนี้ลอยมาวนเวียนในหัว55 สุดท้ายนี้ เราก็มาถึงหลังแปค่ะทุกคน น้ำตาจะไหล 😂 แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าพึ่งดีใจ เพราะยังไม่ถึงจุดกางเต้นท์ค่ะซิส ละใช่ค่ะ ดิฉันต้องเดินต่อไปอีก 3.5 กิโล ณ จุดๆนี้ สปอนเซอร์ ยาดม เข้าด่วนๆค่ะ ไม่ไหวแล้ว แต่อิเมก็ยังมีอารมณ์ถ่ายภาพค่ะ หลังจากภาพนี้คือพักมันทุก 5 นาที 555+ แล้วเราก็เดินจนถึงลานกางเต้นท์ เวลา 14.00 น. หน่อยๆ ขอนอนพักขาแปบ เก็บของต่างๆ กางเต้นท์ จากนั้นเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ซึ่งระยะทางห่างจากลานกางเต้นท์เกือบ 3 กิโล ใช่ค่ะเราต้องเดินไปกลับ รวมๆแล้วก็ 6 กิโล คุณพระ !!! น้ำตาไหลถึงตีน แล้วค่ะซิสสส อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 10-11 องศา ลมแรง แทบปลิว 55 แล้วประเด็นไม่มีทางลัดเด้อจ้า (ไฟฉายจำเป็นมาก) แต่วิวที่ได้ความทรงจำที่ได้ คือสวยมากจริงๆ เมื่อดูพระอาทิตย์กินแล้วเราก็กลับมาที่ลานกางเต้นท์เช่นเดิม อาบน้ำอุณหภูมิบนภู อิเมกรี๊ดลั่นห้องน้ำค่าาาาาา !!! 9 องศา ไม่เเข็งตายคือบุญโข จากนั้นเราเข้านอนเพื่อที่จะเอาเเรงทตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ “ผานกแอ่น” ระยะทาง พอๆกับเมื่อวานจ้า เดินไปกลับเช่นกัน เอ้อ ภูกระดึง นี้เริ่ดไม่ไหว ! 04.30 น. อุณหภูมิ 8-9 องศา ได้เวลาตื่นล้างหน้า ออกเดินทางกันค่ะ เราไปถึงผานกแอ่นประมาณตี 5 กว่าๆ คนเยอะมาก ไปช่วงหน้าหนาว คือ เยอะสุดไรสุด แต่เราก็ได้ภาพที่สวยอยู่นะ บรรยากาศระดับเเสน วิวระดับล้าน ปลื้มที่สุดดดด❤️หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับที่พักกัน กินข้าวราดแกง 2 อย่าง 80 บาท (แต่เข้าใจเเม่ค้านะ เพราะเขาก็ต้องจ้างลูกหาบแบกของทุกอย่างขึ้นมาเช่นกัน) แต่ไม่ซีเรียส มาแล้วต้องลองซักครั้ง! เนื่องจากทริปๆนี้ มิ้นสหายของเม อ.นางนัดเรียนกะทันหัน ทำให้เราต้องลงจากภูวันนี้ เราจึงต้องเก็บความทรงจำให้มากที่สุด ลุย!!!! เมกับมิ้นตัดสินใจเช่ารถจักรยาน เพื่อที่จะสามารถเก็บผาได้หมดทุกผา มันคุ้มนะสำหรับการเช่าจักรยาน อาจจะราคาแอบแรงไปหน่อย แต่ 2 วัน 1 คืน เมกับมิ้นเก็บได้เกือบหมด คือเริ่ด เหลือแค่ผาหล่มสักเท่านั้นที่เมไม่ได้ไป เพราะไม่ทันจริงๆ เราต้องลงจากภูแล้ว เพราะทางอุทยานให้ลงรอบสุดท้ายตอน 14.00 น. ไม่งั้นต้องลง พน. เสียดายเลยค้า 😭 ได้เวลาลงภูกันแล้ว รอบนี้แบกลงเองทุกอย่างไม่จ้างลูกหาบเลยจ้า คนมันห้าวอะเนาะ !! 555 ไม่เจียมสังขารจริงๆ แอบใจหายนะ คือ มันคุ้มกับที่เราเหนื่อยดั้นด้นกันมาพิชิต คือเขาใจเลยว่าทำไมทุกคนยอมเหนื่อยที่จะมาอยู่ตรงนี้ ไปค่ะ จากนั้นเมก็เดินทางกลับถึง ม.นเรศวร ประมาณ ตี1 เศษๆ ล้าไปหมดจ้า ร่างพังหมด ฝันดีเลยค้าบ จบแล้วววววว!!! สำหรับทริปนี้เป็น 2 วัน 1 คืน ที่เมมีความสุข ฮีลตัวเองได้เยอะ เข้าใจธรรมชาติบำบัดเลยภูกระดึงเป็นป่าที่สวยงามมากๆ ไปสองคนยังฟิน สวรรค์บนดินจริงๆเลยค่ะ ซึ่งปัจจุบันตอนนี้ที่เมเขียนบทนี้ ตอนนี้ภูกระดึง พึ่งเกิดเหตุไฟป่า ครั้งที่รุนแรงที่สุดเลยก็ว่าได้ กินพื้นที่ไปกว่า 3000 ไร่ เมอยากให้ทุกคนตระหนักถึงการอนุรักษ์ป่าไม้ การระมัดระวังเรื่องการทิ้งขยะที่อาจจะก่อให้เกิดไฟป่าได้ เพราะระยะเวลาที่ป่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันไม่ได้ใช้เวลาเเค่ 1 หรือ 2 ปี แต่มันใช้เวลา เกือบ 100 ปี เมหวังว่า “ภูกระดึง” จะกลับมาสดใสอีกครั้ง และรอวันที่เมจะไปอีกครั้งในชีวิต เมก็อยากจะพิชิตภูกระดึงอีก! เป็นครั้งที่ 2 ทุกคนคงสงสัยแน่ๆว่า สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมหมดไปประมาณ เท่าไหร่ สำหรับทริป 2 วัน 1 คืนนี้ เมหมดไป ประมาณ 2,000 บาท ร่วมค่ารถไปกลับทุกอย่างค่าลูกหาบ รวมอยู่ในนี้ทั้งหมด บอกเลยเพื่อความสบาย อดๆอยากๆได้555 #ทริปถีบกันขึ้นภู รอบหน้าเมจะมาแชร์ประสบการณ์อะไรอีกฝากติดตามด้วยน้า !! สำหรับวันนี้ บัยบายค่าาาาาา