ความท้าทายในชีวิตของใครหลายคน อาจจะมาในรูปแบบครั้งหนึ่งในชีวิตขอพิชิตภูกระดึง คำถามที่ควรถูกตั้งมาก่อนว่า ไปกี่วัน ? ไปยังไง ? คือ จะไปกับใคร ? ด้วยความที่ตำนานกล่าวขาน ถ้าคู่รักคู่ไหนไปลงมาไม่รักกันมากกว่าเดิม ก็จะเลิกกัน เพราะด้วยระยะทางที่ลำบากกว่าจะไปถึงยอดภูกระดึง จะทำให้เห็นนิสัยของแต่ละคนเวลาลำบาก เราเลยเลือกจะไปกับเพื่อน เพราะว่า...เราไม่มีแฟน เรานัดรวมตัวกันบริเวณทางขึ้นหรือตีนภู ชั่งน้ำหนักของเพื่อให้ลูกหาบขนขึ้นไป ราคาค่าขนของ 30 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากที่ฝากสัมภาระแล้ว เราก็เริ่มเดินขึ้นไป ไม่เท่าไหร่ สาว ๆ ๆ ผู้ที่ไม่เคยแม้จะออกกำลังกาย ก็หอบกันไปตามระเบียบ ใจอยากจะลง ไม่ขึ้นอีกต่อไป แต่ สัมภาระมันค้ำคอ ถ้าไม่ไปต่อ..เสื้อผ้าเอ่ย ของกินเอ่ยจะทำยังไง ความที่ห่วงสัมภาระ ทำให้เราต้องกัดฟันขึ้นไปให้ถึงจุดพักแรก คือ ซำแฮก มีของกิน น้ำดื่ม แตงโม ให้ได้เติมพลัง พอผ่านจุดแรกมาได้ ก็รู้สึกได้ว่า ทางเดินต่อไปเริ่มง่ายขึ้น เคล็บลับของเราคือ เดินแล้วใส่หูฟังไปด้วย จะรู้สึกว่าเดินได้เร็วขึ้น ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาเดิน เงยหน้ามาอีกที เหมือนอยู่ที่เดิม พอเราขึ้นมาถึงข้างบนจะมีป้ายเขียนว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง เป็นเหมือนป้ายหลอกเราว่ามาถึงแล้ว แต่ความจริงต่อเดินต่อไปอีก 3.5 กิโลเมตร เพื่อไปยังที่พัก สิ่งแรกที่รู้สึกประหลาดใจบนภูกระดึง คือ รถยนต์ ขึ้นมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร เราขึ้นมาแทบตายในเส้นทางทรหด เพื่อมาสงสัยว่า..เอารถยังขึ้นได้จากทางไหน ?แน่นอนว่า ไม่มีคำตอบให้กับสิ่งที่ไม่ควรถาม แล้วหันหน้าไปชื่นชมธรรมชาติข้างทางต่อไป จุดตั้งเต็นท์ ที่พักของที่นี่ก็จะมีทั้งแบบบ้านเป็นหลัง( จองยากมาก ) และเต็นท์ 3 คนนอนราคา 225 ต่อหลัง/ต่อคืน อีกทั้งบางร้านค้าก็มีเต็นท์ให้บริการ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://park.dnp.go.th เมื่อมาถึงกิจกรรมแรกที่มีคือ ดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูก ผู้คนไปรอดูพระอาทิตย์ตกเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่อยู่ข้างล่างก็เห็นพระอาทิตย์ บ้าาาา แต่ความสวยงามก็ต่างกัน หลังจากชมพระอาทิตย์ตก ก็ได้เวลาของอาหารค่ำ มาในคอนเซ็ป อาหารพื้นบ้าน ราคายุโรป ค่าน้ำเริ่มต้นที่ 30 บาท จากปกติ 7 บาท อาหารตามสั่งขั้น 60 บาท แม้ราคาอาหารของที่นี่จะเจ็บจี๊ดหัวใจ แต่เราก็เข้าใจว่า กว่าจะขนขึ้นมาได้ค่อนข้างลำบาก กิจกรรมของเช้าวันต่อมา ก็คือการไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าเราอยู่บนภูกระดึง 5 วัน ชีวิตคงจะวนลูปอยู่ที่ เช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น รอจนเย็นให้มันตกแล้วไปนั่งดู วันที่สอง..มีแพลนเที่ยวคือ ผาหล่มสัก ที่จากจุดที่เราพัก กว่าจะถึงคือ 5 กิโลกว่า ๆ เราไม่เช่าจักรยานเพราะ ไม่มีเงิน เดินจึงเป็นทางเลือกเดียว แวะชมใบเมเปิ้ล ระยะทางสองข้างคือ ป่า ต้นไม้ ต้นหญ้า ไม่มีห้องน้ำ ถ้าคุณสงสัยว่า ไม่มีห้องน้ำแล้วทำไง คำตอบคือ มือค่ะ พนมขอเจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขา หลบมุมปล่อยเลยจ้าาา พอเราถึงผาหล่มสัก ทำให้เราได้รู้ว่า เส้นทางที่เรามานั้นคนละทางกับคนอื่น เพราะอีกทางที่มาตลอดทางจะมีร้านค้าขายของ เป็นจุด ๆ จุดประจำที่ใครมาต้องมาถ่ายรูป ข้างบนภูกระดึงสิ่งที่เรารู้สึกว่าสวยกว่าข้างล่างคงจะเป็น ดาวบนท้องฟ้ากับบรรยากาศเย็น โรแมนติกมาก ๆ แต่!!!!!! พอหันไปข้างกายความโรแมนติกนั้ได้หายไป เมื่อเพื่อนเริ่มคิดเงินค่าใช้จ่ายของทริปนี้ ค่าใช้จ่ายทริปนี้เฉลี่ยคนละ 1500 บาทส่วนใหญ่จะหมดไปกับของกิน ก่อนลงเราก็ต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ชั่งของให้ลูกหาบ ตอนที่ลงจากภูกระดึงจะสบายกว่าตอนขึ้นหลายเท่าตัว สุดท้ายต่อให้เวลาผ่านมากี่ปี ในทุก ๆ หน้าหนาวความทรงจำของภูกระดึง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ความสนุก กลิ่นอายธรรมชาติ ก็หวนกลับมาให้คิดถึงอยู่เสมอ