ในช่วงชีวิตหนึ่ง ผมไม่ค่อยเดินทางไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่งมากกว่าหนึ่งครั้ง คือสุดท้ายแล้วมักจะไปแค่ครั้งเดียว เหตุผลก็คือเมื่อคุณได้ไปที่นั่นมาแล้ว ก็คงไม่เหลืออะไรให้เที่ยว ไม่เหลืออะไรให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว คล้าย ๆ ไปทานก๋วยเตี๋ยวในร้าน ๆ หนึ่ง แล้วรู้สึกว่า รสชาติมันธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษให้เราต้องกลับมาทานอีกในอนาคต แล้วสิ่งที่เราอยากจะทำต่อไป คือเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ หรือก๋วยเตี๋ยวรสชาติใหม่ ๆ นั่นเอง แต่ความคิดแบบนั้นใช้ไม่ได้กับเชียงคาน สถานที่ที่ตัวผู้เขียนไปบ่อยมาก คำว่า "บ่อยมาก" อาจจะเกินจริงไปหน่อย เพราะในชีวิตก็ไปยังไม่ถึงสิบครั้ง แต่สำหรับหลายคน การไปมากกว่าหนึ่งครั้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดูไม่จำเป็น เชียงคานเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีที่ท่องเที่ยวอะไรมาก นอกจากการมาพักริมฝั่งแม่น้ำโขง มองไปยังประเทศลาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือขึ้นไปบนภูทอกตอนตีห้าเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง กิจกรรมที่ชวนให้ทำที่เชียงคานก็จะเหลือไม่กี่อย่างในกรณีที่คุณไปมากกว่า 2 วันแบบที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะพึ่งกระทำกัน ผมเคยใช้เวลาอยู่ที่เชียงคานประมาณหนึ่งอาทิตย์ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปีที่แล้ว แน่นอนว่าในช่วงก่อนวันสิ้นปีและหลังวันปีใหม่ ผู้คนไม่ได้เยอะอะไรมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวขาจรที่รอคอยที่จะมาเคาท์ดาวน์เลยยังไม่ได้เข้ามาที่เชียงคานกัน การตื่นมาตอนเช้า เดินมาริมโขงไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมอยู่เหนือแม่น้ำโขง อากาศเย็น ๆ และความเงียบที่ทำให้เสียงหายใจของเราดูจะดังขึ้นมา การให้เวลากับชีวิตเพื่อได้พักผ่อนโดยให้สมองนั่งอยู่กับความว่างเปล่า บางทีก็เป็นความคิดที่ดี บางคนทนไม่ได้ที่จะอยู่กับความเงียบ บางคนต้องหาอะไรทำ แต่พวกเขาอาจจะลืมไปว่า ความเงียบบางทีก็เป็นเพื่อนกับเรา เพราะในแต่ล่ะความเงียบมันไม่ใช่ความเงียบที่แท้จริง มันได้กระตุ้นให้เราคิด ให้เราย้อนมองชีวิตที่ผ่านมาของเราว่าเราได้ทำอะไรลงไปบ้าง มีอะไรบ้างที่ถือว่าเป็นความสำเร็จ อะไรบ้างที่ล้มเหลว หรือความสุขที่เราอยากเก็บไว้กับความทุกข์ที่เราอยากโยนทิ้งไป อันไหนมันมีมากหรือน้อยไปกว่ากัน พูดง่าย ๆ การได้ใช้เวลาเดินเล่นในเชียงคาน ไปตามถนนริมโขง ไปตามวัดวาอารามต่าง ๆ นี่ก็คือการชาร์ตแบตที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ไม่ค่อยไปไหนไกลกว่าถนนคนเดิน แต่ถ้ามุมานะมากพอ ก็จะมีทางจักรยานริมโขงที่พาพวกเขาเดินไปได้ไกลมาก ๆ ผมเคยเดินจากถนนคนเดินไปถึงแก่งคุดคู้เลยทีเดียว เดินไปเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยอะไร หรือถ้าเหนื่อยก็พักหาน้ำดื่มแล้วค่อยไปต่อ ในภาวะนั้นไม่รู้สึกถึงเวลา ไม่คิดถึงว่าตอนนี้บ่ายโมงหรือบ่ายสามโมง แค่เดินไปเรื่อย ๆ ตามที่ใจอยากเดิน การใช้เวลากับเชียงคานมากกว่าวันสองวันนึ่เป็นประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่งครับ ถ้าหากมีเวลาและอยากปล่อยอะไรที่ตัวเองแบกไว้ทิ้งไปบ้าง การมาอยู่นิ่ง ๆ ริมฝั่งโขง หรือเดินไปเรื่อยๆ บนถนนเรียบแม่น้ำก็ถือว่าเป็นอีกกิจกรรมที่ไม่เลวเลย