"เหงา เครียด อยากออกไปเสพความสุข" เสียงความคิดที่ดังก้องอยู่ในหัว จะชวนเพื่อน ครอบครัว หรือแฟน ต่างก็ติดงานกันหมด เวลาไม่ตรงกันบ้าง ถ้ายิ่งไปกับกลุ่มเพื่อนยิ่งสนุกแต่ก็ต้องแลกมากับความวุ่นวาย ถ้าอย่างนั้นมันจะไปยากอะไรก็แบกเป้ลุยเดี่ยว ๆ ไปเลย ไม่ต้องไปกลัวอะไร กลัวไม่ได้เที่ยวมากกว่า แล้วคนเหงา ๆ อย่างเราจะไปเที่ยวไหนได้นอกจากสถานที่ที่ชิว ๆ เก๋ ๆ นั่งรับหมอก ชมคันทรีสวย ๆ อย่างเชียงคานจังหวัดเลยแบบฉบับความเหงาแห่งปี การเดินทางเริ่มต้นขึ้น ณ บขส.จังหวัดพิษณุโลก เราซื้อตั๋วรถมาในราคา 134 บาท ระหว่างรอขึ้นรถก็ได้มีเวลามองดูผู้คนผ่านไปผ่านมา มีทั้งรีบเร่งกลัวจะขึ้นรถไม่ทัน มีทั้งการเชื้อเชิญให้ขึ้นรถ และมีคนที่กำลังมองผู้คนที่ผ่านไปมาแบบเรา มันทำให้ได้มองย้อนกลับมาว่า ยังมีอีกหลายคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันกับเรา เราอาจจะเจอเพื่อนร่วมทางในทริปครั้งนี้ก็ได้ แต่มันกลับสวนทางกับเสียงในหัวตอนนี้คือ "คิดถูกแล้วใช่ไหมวะเรา จะยิ่งเหงาไหมเนี่ย" แต่ถ้ามาขนาดนี้ละจะกลับบ้านก็จะเสียหน้าไปหน่อย รถเริ่มออกจากท่าและขับมาตามเส้นทางจนถึงจุดหมายปลายทางที่จังหวัดเลย เช่นเคย ความเหงาผสานกับความมึนงงว่าจะไปทางไหนต่อ ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้น สมองส่วนความคิดเริ่มทำงานและหูเริ่มได้ยินเสียงคนเชื้อเชิญให้ขึ้นรถเช่นเดียวกันกับสถานีต้นทาง "ไปลงเชียงคานค่ะ ขึ้นเลยค่ะ คนละ 35 บาท" คนเหงาและมึนอย่างเราชักช้าได้อย่างไร จึงรีบกระโดดขึ้นรถ และนั่งรับลมโดยไม่รู้ว่าถึงที่ใดแล้ว พอถึงจุดหมาย ณ เชียงคาน เราเดินตามทางไปยังที่พักที่จองไว้ พยายามดูเลขซอย 8 และ 9 ตามที่เจ้าของบอกมา เสมือนเดินตามหาไม้กายสิทธิ์ตามตรอกไดแอกอนในเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ จนเจอที่พักที่แสนอบอุ่น เสียงในหัวก็ก่อเกิดขึ้นอีก "สวยนะ แต่มีผีไหมวะ" ความคิดอย่างฉับพลันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็กล่าวปลอบใจตนเองว่ามาถึงละ จะให้ไปนอนริมโขงหรืออย่างไร บ้านพักที่เราจองไว้ในเว็บไซต์ Traveloka ได้มาในราคา คืนละ 800 บาท (ฟรีอาหารเช้า) นามว่า ป่องเอี้ยม เป็นโฮมสเตย์สไตล์ไม้ ๆ ร่มรื่น มีต้นไม้ตลอดทางเดิน แถมบ้านพักแห่งนี้เค้าให้นำสุนัขมาได้ด้วย บริเวณภายในห้องพัก สุดแสนจะโรแมนติก สะอาดและปลอดภัย ถ้ามากับที่รักก็คงจะดีสินะ หลังจากที่นำกระเป๋าเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งอาบน้ำ ล้างหน้า รอที่จะรับประทานอาหารเย็นบนถนนสายวัฒนธรรมริมแม่น้ำโขงไม่ไหวแล้ว จวนถึงเวลา 18.00 น. เริ่มออกไปเสพความสุขดีกว่า ท้องร้องหิวมากตอนนี้ พอก้าวออกมาจากที่พักเท่านั้น เสียงคำอุทานก็ดังขึ้นออกจากปากโดยไม่รู้ตัว แม่เจ้าโว้ย เคยเห็นแต่ในรีวิว ไม่คิดว่าจะสวยอะไรขนาดนี้ มันเป็นการผสมผสานระหว่างชาวบ้านและธรรมชาติได้อย่างลงตัว ไม่มีใครล้ำเส้นใคร ทั้งสองสิ่งเอื้ออำนวยความงามและเสน่ห์ของกันและกัน ตอนนี้เสียงในหัวบอกว่า "คิดไม่ผิดจริง ๆ ขอบคุณตัวเองที่กล้าที่จะมาคนเดียว" คนเหงากับเพื่อนกล้องหนึ่งตัวเดินตามหาของกินไปเรื่อน ๆ มีทั้งกุ้งเสียบ สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต แสนหวาน แต่เดินไปเดินมาก็เหนื่อยแวะกินหมูกระทะให้มันรู้แล้วรู้รอด หัวละ 240 บาทเอง แต่ขอบอกก่อนว่าถนนคนเดินเชียงคานยาวมาก เดินไปเพลินไปจนสุดซอย แค่แสงไฟยามค่ำคืนก็ทำให้เราเสพความสุขจนเต็มอิ่ม อยากจะทิ้งตัวลงบนถนนแห่งความสุขนี้เลย แต่กลัวคนจะเหยียบ มันอบอุ่นสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณนะเชียงคานที่ทำให้เราหายเครียดและหายเหงาได้ ความสุขย่อมผ่านไปเร็วเสมอ คนเหงาและกล้องต้องกลับมาพักขาที่ห้องพัก พร้อมกับสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาที่นี่อีกให้ได้ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ริมแม่น้ำโขงที่ถูกระบายด้วยสีหมอก เป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย ตามสไตล์คนเหงาก็ได้นั่งมองผู้คนตักบาตร ขายของใส่บาตรให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งมันเป็นภาพที่เราชอบที่สุด เพราะผู้คนที่มาเที่ยวไม่ได้แต่งหน้ากันสักคนมีแค่เครื่องประดับคือเสื้อกันหนาว มันทำให้รู้สึกถึงความงามบริสุทธิ์ การไม่ต้องปกปิดหน้าตาของเรา ความจริงที่เกิดขึ้น เสียงในหัวก็ดังขึ้นอีกว่า "บวชเถอะ มองขนาดนี้" มีพบก็ต้องมีจากเป็นธรรมดา แต่การจากครั้งนี้เราได้แอบเก็บความทรงจำของที่นี่ไปในรูปแบบของภาพทั้งในกล้องและโทรศัพท์ เชื่อแล้วว่าถ้าใครได้มาจะ "หลงรักเลย" หลงรักจริง ๆ นะ เหนือคำบรรยายจริง ๆ ทั้งบรรยากาศ อาหาร ชาวบ้าน เหมือนทุกสิ่งรวมตัวกันแล้วปาความสุขใส่เรา คนเหงาคนนี้จะกลับมาที่นี่ตามคำสัญญาพร้อมกับเพื่อนร่วมทางคนใหม่อย่างแน่นอนและเมื่อความสุขเกิดขึ้น จนทำให้เราลืมเรื่องเงินไปเลย ตั้งแต่แบกเป้จากพิษณุโลกมาจนถึงเชียงคานคนเหงาอย่างเราใช้เงินไปทั้งหมด 1244 บาท ราคานี้รวมทั้งกินอิ่มนอนหลับหมดแล้วนะ ...ภาพถ่ายโดย 𝑀𝒶𝓎 𝑀𝒶𝓎...