อื่นๆ

ข่าวลือเรื่องพญานาค

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ข่าวลือเรื่องพญานาค

        “ เพิ่นสิขึ้นมาให้โชค ให้ลาภ เพื่อสร้างบารมีอยู่ 3 เดือน ให้พากันมาเบิ่งเอาเด้อ ดวงไผดวงมัน”  เสียงหมอธรรมบอกกับชาวบ้านในขณะที่เช้านี้มีข่าวใหญ่เรื่องมีต้นมะพร้าวประหลาดโผล่ขึ้นมาจากดิน มีลักษณะหงิกงอผิดรูปคล้ายกับเศียรพญานาค เกิดอยู่ภายในสวนหลังบ้านของตาสง เมื่อชาวบ้านทุกคนรู้ข่าวก็พากันมาไหว้ขอหวยตามระเบียบ เพียงไม่กี่วันก็มีทั้งชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่แห่มากราบไหว้ไม่ขาดสาย รวมไปถึงแผงล็อตเตอรี่ รถลูกชิ้น รถขายน้ำ  จนทำให้หลังบ้านของตาสงกลายเป็นย่านเศรษฐกิจของหมู่บ้านภายในชั่วพริบตา แถมยังมีชาวบ้านบางคนหัวใสถ่ายรูปมาขายเป็นที่ระลึกแผ่นละตั้งยี่สิบบาท เรียกได้ว่าคึกคักกันน่าดูเลยทีเดียว บ้างก็ถูกหวย บ้างก็ไม่ถูกอยู่ที่ดวงของแต่ละคน และเพื่อเป็นการพิสูจน์ชาวบ้านจึงเชิญให้หมอธรรมประจำหมู่บ้านมาช่วยสื่อสารว่านี่คือพญานาคจริงหรือไม่ หรือแค่ต้นมะพร้าวแคระแกนต้นหนึ่งที่เกิดผิดปกติ

Advertisement

Advertisement

ภาพที่1

หมอธรรมได้ทำการสื่อสารตามที่ชาวบ้านร้องขอ แต่ไม่ใช่การเข้าทรงที่กรีดร้องหรือเลื้อยเป็นงูเหมือนที่เราเห็นกันในคลิปวีโอต่างๆ แต่หมอธรรมหรือชื่อของแกคือตาบุญนั้นได้เริ่มพิธีสื่อสาร โดยการจุดธูปเทียนบูชา ทำสมาธิโดยให้ชาวบ้านถอยออกไปจากพื้นที่บริเวณนั้นก่อน พักใหญ่ตาบุญก็ร้องบอกเป็นสัญญาณว่าได้ทำพิธีเสร็จแล้ว ตาบุญบอกกับชาวบ้านว่า มีพญานาคสองตนคือ ย่าจันทีและปู่ศรีสง่า จะขึ้นมาสร้างบารมีบนโลกมนุษย์ ซึ่งจะอยู่ที่นี่นานประมาณสามเดือน หากใครอยากมีโชคมีลาภก็ให้พากันมากราบไหว้ขอพรจากท่าน และท่านยังบอกอีกว่าไม่ใช่มีแค่ท่านสองตนที่จะขึ้นมาเท่านั้น แต่จะมีพญานาคตนอื่นๆขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะขึ้นมาภายในแถบภาคอีสานทั้งหมดในระยะนี้ ให้สังเกตกันเอาเองว่าท่านจะขึ้นมาที่หมู่บ้านไหนหรือจังหวัดใด เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ลือกันออกไปและกลายเป็นข่าวดัง ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาขอโชคลาภตลอดสามเดือนดังที่ตาบุญเคยบอกไว้  เมื่อเวลาผ่านไปตาสงผู้เป็นเจ้าของพื้นที่เห็นว่าต้นมะพร้าวประหลาดนี้เริ่มที่จะเปลี่ยนสีจากสีเขียวเหลืองเป็นสีน้ำตาล และเริ่มเหี่ยวแห้งลงไปเรื่อยๆ ตาสงจึงใช้เงินที่ได้จากการที่มีคนร่วมบริจาคทำบุญไปซื้อรูปปูนปั้นพญานาคมาสองตัว โดยมีรูปปั้นพญานาคแผ่พังพานเจ็ดเศียรเป็นตัวแทนของปู่ศรีสง่า และพญานาคหนึ่งเศียรเป็นตัวแทนของย่าจันที และได้ทำพิธีอันเชิญท่านลงมาอยู่ที่รูปปั้นทั้งสองก่อนจะสร้างศาลาครอบไว้อีกชั้นหนึ่ง

Advertisement

Advertisement

ภาพที่2                                                                                        ที่มา https://pixabay.com/

          จนเวลาผ่านไปครบสามเดือน ชาวบ้านที่มาขอโชคก็ลดน้อยลงเพราะต่างคนต่างเชื่อในคำพูดของตาบุญว่าท่านจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือนเท่านั้น ทำให้ศาลพญานาคย่าจันทีปูศรีสง่าดูเงียบเหงาลงทันตา แต่ตาสงก็ไม่ได้คิดจะรื้อศาลทิ้งเพราะตั้งใจเก็บไว้เป็นอนุสรสถานว่าครั้งหนึ่งที่สวนหลังบ้านแกเคยมีพญานาคมาอยู่ แกยังคงทำความสะอาดและคงไว้ดังเดิม ต่อมาในเช้าวันหนึ่งลุงคำกับไอ้ดอนลูกชายขี้เมาของแก เดินต้อนวัวผ่านไปทางสวนหลังบ้านของตาสง ไอ้ดอนสังเกตเห็นงูสิงตัวใหญ่กำลังเลื้อยอยู่แถวศาล ด้วยความที่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรสักอย่างตามประสาขี้เมา มันจึงบอกให้ลุงคำหันไปดู พร้อมบอกว่าให้ลุงคำต้อนวัวไปก่อน เดี๋ยวมันจะขอจับงูกลับไปทำกลับแกล้มตอนเย็น ลุงคำจึงรีบร้องห้ามและด่าลูกชายไปหยกใหญ่โทษฐานที่นอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังจะทำการลบหลู่โดยการไปฆ่างูสิงตัวนั้นอีก แต่ถึงแกจะด่ายังไงไอ้ดอนก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อฟังและเดินหันลังให้กับลุงคำเพื่อมุ่งหน้าไปที่งูตัวนั้น ลุงคำได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของลูกชาย แล้วจึงเดินตามฝูงวัวไปโดยไม่สนใจว่าดอนจะทำอะไร ตกเย็นวันนั้นดอนก็ได้งูสิงตัวใหญ่มาทำกลับแกล้มสมความตั้งใจ จนเช้าวันต่อมา ดอนเริ่มมีอาการแปลกๆคือตัวสั่น พูดไม่ได้ นอนซมอยู่ที่บ้าน บ้างก็ทำท่าทางเลื้อยไปเลื้อยมา ลุงคำรู้ในทันทีว่าไม่ใช่อาการป่วยธรรมดาแน่นอน เพราะแกรู้อยู่แก่ใจว่าลูกชายแกไปทำอะไรมา ลุงคำรีบไปตามตาบุญผู้เป็นหมอธรรม มาทำพิธีให้ เมื่อตาบุญเริ่มสวดมนต์และเป่าน้ำมนต์ให้ ไอ้ดอนก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที แต่ยังไม่หายซะทีเดียว  ตาบุญบอกให้ลุงคำทำกระทงอาหาร ธูปเทียน สำหรับไปขอขมาที่ศาล โดยให้ไอ้ดอนเป็นคนขอขมาด้วยตัวเอง ตาสงทราบข่าวดังนั้นก็อนุญาตให้ไอ้ดอนไปทำพิธีขอขมาในสวนของแกได้จนทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างพากันสมน้ำหน้าไอ้ดอนและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ ดีนะที่มันไม่ตาย ”

Advertisement

Advertisement

          เวลาผ่านไปไม่นานมีข่าวลือเรื่องพญานาคขึ้นมาอีกครั้งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียง โดยครั้งนี้ขึ้นในบ้านของชาวบ้าน ในการขึ้นมาครั้งนี้ไม่ได้มาในรูปแบบของต้นไม้ประหลาด แต่ขึ้นมาเป็นลายน้ำยาวคล้ายรอยเลื้อยของงูขนาดใหญ่บนผนัง รอบๆห้องพระของชาวบ้าน ซึ่งที่น่าแปลกก็คือเป็นรอยคล้ายๆรอยซึมของน้ำแต่ไม่แห้งหายไป ซึ่งเราอาจจะมองว่าเกิดจากหลายสาเหตุแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน แต่หลังจากที่ตาบุญเคยบอกว่าพญานาคจะขึ้นมาสร้างบารมีภายในภาคอีสานในระยะนี้ก็ดูเหมือนว่ามีเหตุการณ์เกี่ยวกับพญานาคเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจริง โดยที่แหล่งความเชื่อหลักๆจะอยู่ที่ภาคอีสาน ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่ความเชื่อเรื่องพญานาคยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน และยังหาข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดไม่ได้

ภาพที่3

          ลุงจัน หนึ่งในชาวบ้านคุ้มเดียวกับตาสงเดินต้อนวัวไปกินนี่แม่น้ำชีตามปกติเช่นทุกวัน วันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างอึมครึมคล้ายฝนจะตก ในขณะที่แกนั่งเฝ้าวัวของแกอยู่นั้น สายตาพลันเหลือบมองไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งกำลังว่ายทวนน้ำลักษณะคล้ายงูแต่มีหงอนและมีดวงตาสีแดง ขนาดลำตัวน่าจะเท่าขาของแก ตาจันเห็นแค่นั้นก็ตกใจวิ่งหนีพร้อมตะโดนว่า “พญานาค ๆ” เมื่อข่าวลือเรื่องตาจันเจอพญานาคแพร่ออกไป ผู้คนก็เริ่มมาสังเกตการณ์ที่ท่าน้ำชีข้างวัดซึ่งจะมีแพให้อาหารปลายื่นลงกลางแม่น้ำ ซึ่งบริเวณที่ตาจันเจอพญานาคกับท่าน้ำวัดอยู่ไม่ไกลกันมากนัก บางคนที่มารอดูในตอนค่ำก็อ้างว่าถ่ายรูปติดเศียรของพญานาคก็มี โดยภาพที่ว่าจะเป็นแสงไฟสีเหลืองสะท้อนบนผิวน้ำสีดำลักษณะหงิกๆงอๆคล้ายงูมีหงอน ทางวัดจึงนำภาพที่ถ่ายได้ไปขยายติดไว้ให้ชาวบ้านที่แวะเวียนมาได้ดู ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณ แต่ที่แน่ๆข่าวลือเรื่องพญานาคของตาจันก็สามารถสร้างรายได้ให้กับทางวัดเพราะคนหลั่งไหลมาขอโชคและมารอดูพญานาคในตอนเย็นจนแน่นวัด ทำให้เจ้าอาวาสสามารถระดมยอดเงินในตู้บริจาคมาสร้างศาลาวัดที่ชะลอการก่อสร้างไว้เพราะหมดงบ จนแล้วเสร็จ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยคนก็ได้หันหน้าเข้าวัดมากขึ้นและสนใจที่จะทำบุญ ถึงแม้ว่าจุดประสงค์หลักๆจะมาเพื่อขอหวยก็ตาม

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์