บทความนี้ มาเอาใจคนชอบแจ่วฮ้อนกันบ้าง แจ่วฮ้อนถือเป็นอาหารอีสานเพื่อสุขภาพ ประเภทเดียวกับสุกี้ ชาบู และเนื้อย่าง แตกต่างกันตรงที่น้ำซุปที่มีความเข้มข้นของเครื่องเทศมากกว่าตระกูลสุกี้ ชาบู หมูกระทะ และที่ขาดไม่ได้ คือ เอกลักษณ์ของน้ำจิ้มแจ่วฮ้อน ที่มีรสชาติจะออกเป็นแจ่วแบบดิบ ๆ แจ่วแบบดิบ ๆ หมายถึงรสชาติแจ่วเผ็ด ๆ นัว ๆ แบบอีสาน ผู้เขียนจะพาผู้อ่านไปลิ้มลองรสชาติแจ่วฮ้อนแบบอีสานแท้ ๆ ที่ร้าน แจ่วฮ้อนปากโป มหาสารคาม ร้านนี้เป็นร้านที่หาไม่ยากเลย เพราะอยู่เส้นกลางเมืองมหาสารคาม ตรงข้าวกับหน้าป้ายมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม เยื้อง ๆ กับเสริมไทยคอมเพล็กมหาสารคาม ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 00.00 น. แต่ในช่วงโควิด จะปิดตามเวลาเคอร์ฟิวส์ ความโดดเด่นของร้านนี้ เป็นร้านที่เปิดอยู่ริมฟุตบาท เพราะฉะนั้นก็จะมองเห็นวิวข้างทางที่รถราวิ่งไปมา บรรยากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับการนิ่งกินลมชมวิว นัดพูดคุยสนทนาประสาเพื่อนและครอบครัว ลูกค้าแน่นทุกวัน เพราะที่นี่จะมีทั้งเมนูแจ่วฮ้อน ที่เป็น Signature ของทางร้าน เมนูทานเล่น เมนูตำ ผักเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่ม โดยเมนู แจ่วฮ้อน จะมี 4 ไซส์ให้เลือกสั่ง ดังนี้ ชุดปากดี ราคา 49 บาท (สั่ง 3 ชุด ฟรี 1 ชุด) *ถ้ามาคนเดียวจะอิ่มพอดี ชุดปากเจ่อ 99 บาท * เหมาะสำหรับ 2 คน ชุดปากโป 139 บาท * เหมาะสำหรับ 3 คน ชุดปากแตก 199 บาท * เหมาะสำหรับ 4 คน หากไม่อิ่มสามารถสั่งแยก เนื้อหมูแบบต่าง ๆ ในราคาจานละ 25,29,39 บาท ตามประเภทของเนื้อหมู และเมนูทะเล ในราคาจานละ 59 บาท และเมนูผัก เพิ่มได้อีก ราคาก็แสนจะถูก เริ่มต้นที่ 19 บาทขึ้นไป สูงสุดอยู่ที่ 39 บาท เรียกได้ว่าอิ่มคุ้มในราคาประหยัดเลยทีเดียว แจ่วฮ้อนของที่นี่จะเป็นแจ่วฮ้อนเตาถ่านแบบหม้อดิน เพราะฉะนั้นจะมีความหอมมากกว่าหม้อไฟฟ้า เมนูที่ผู้เขียนสั่งในวันนี้ คือ ชุดปากโป (ตามชื่อร้านเลย) ชุดละ 139 บาท สั่งเนื้อสันคอหมูสไลด์ 1 จาน สันนอกหมูสไลด์ 1 จาน หมูหมักนุ่ม 2 จาน ตับอ่อนหมู 1 จาน ยำมาม่า 1 จาน น้ำอัดลมและน้ำแข็ง ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 420 บาทเท่านั้น มาพูดถึงรสชาติของแจ่วฮ้อนกันบ้าง แจ่วฮ้อนของที่นี่จะมีน้ำจิ้ม 2 แบบ คือ แจ่วแบบเข้มข้น และแจ่วแบบอีสาน แจ่วแบบเข้มข้น จะผสมข้าวคั่วลงไปด้วย เพราะฉะนั้นรสชาติก็จะออกหอมมันข้าวคั่ว ส่วนแจ่วแบบอีสาน จะไม่ใส่ข้าวคั่วแต่ใส่หอมลงไปแทน รสชาติจะแซ่บแบบอีสานขนานแท้ น้ำซุปของที่นี่จะมีความหอมและเข้มข้นด้วยส่วนผสมของสมุนไพรอีสาน ทั้ง ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มีความนัวในตัวโดยไม่ต้องใส่น้ำจิ้มก็อร่อยได้รสแจ่วฮ้อนแล้ว ส่วนหมูของที่นี่ถ้าเป็นเมนูหมูสไลด์ ทางร้านจะสไลด์ได้บางมาก เวลาจุมลงไปในหม้อแจ่วฮ้อนไม่ถึงนาทีก็สุกนุ่มละมุนลิ้น ส่วนหมูหมักและตับอ่อนก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะเมื่อจุ่มลงในหม้อไม่นานตักเข้าปาก บอกเลยว่าแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว ผักของที่นี่จะมีความสด และให้มาในปริมาณที่กำลังอิ่มพอดี สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารที่ได้บรรยากาศแดดร่มลมตก ไปจนถึงกลางคืน เพื่อนัดพบปะพูดคุยระหว่างเพื่อนฝูง และคนในครอบครัว แนะนำ แจ่วฮ้อนปากโปมหาสารคาม ที่ทั้งอร่อยและราคาแสนจะประหยัด ถ้าท่านได้มานั่งทานที่ร้านอาหารแห่งนี้ ท่านจะประทับใจอย่างแน่นอน ปล.ใกล้ ๆ กับร้านยังมีจุดเช็คอิน แบบคูล ๆ ให้ถ่ายแบบเล่นระหว่างรออาหารด้วยนะจ๊ะ ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน