สำหรับในช่วงปลายเดือนเมษายนก้าวเข้าสู่เดือนพฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนถ่ายฤดูจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน แผ่นดินที่เคยแห้งแตกก็กลับกลายเป็นแผ่นดินที่มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ก่อกำเนิดสิ่งต่าง ๆ มากมาย ต้นไม้เริ่มผลิดอกออกใบ เขียวชอุ่ม ชาวนาเริ่มปักดำต้นกล้าลงในนา และเหล่าสิ่งมีชีวิตจำพวกหนึ่งได้ขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตที่กล่าวถึงนั้นก็คือ แมลง ในช่วงนี้ก่อเกิดแมลงหลากหลายชนิด และวันนี้ผู้เขียนขอนำเสนอแมลงที่นับว่าเด็ดเลยทีเดียว เขามีชื่อว่า "แมงจีนูนแดง" นั่นเอง แต่ละถิ่นก็เรียกเจ้าแมลงนี้แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นแมงกินูน แมงจีนูน แต่ก็มักจะมีคำว่านูนลงท้ายเสมอ ซึ่งในกลางภาคจะเรียกแมลงนี้ว่า แมลงนูน แมลงนูน หรือที่อีสานบ้านเราเรียกว่า แมงจีนูน แมงจีนูนความจริงนั้นมีหลายสายพันธุ์แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ แมงจีนูนแดง แมงจีนูนแดงเป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างตัวป้อม ตรงหลังจะนูนขึ้นมา ทั้งตัวนั้นเป็นสีน้ำตาล หนวดเป็นรูปใบไม้มีขนปกคลุมเล็กน้อย มีปีกคลุมสีน้ำตาลอ่อนกว่าลำตัวไม่ค่อยเป็นมัน ขนาดตัวประมาณ 1 นิ้ว สำหรับแมงจีนูนแดงนั้นจะทำรูอยู่บริเวณรากต้นไม้ โดยจะขุดรูติดกับต้นไม้เล็ก ๆ ลึกลงไปจนถึงราก รูจะเปิดออกมีขุยอยู่ข้าง ๆ ปากรู ตอนกลางวันมันอยู่ในรู ส่วนกลางคืนจะออกมากินใบอ่อนของต้นไม้ ทำให้นักล่าแมลงต้องมาล่าจากรูในตอนกลางวัน และล่าจากต้นไม้ในตอนกลางคืนนั่นเอง แมงจีนูนแดงนิยมนำมาทอด และคั่ว แต่ก่อนที่จะนำมาทอดหรือคั่วนั้นต้องแช่น้ำก่อน เพื่อให้คลายความขม เพราะอย่าลืมว่า อาหารของแมลงคือใบไม้ ถ้ามันกินใบไม้ที่ขมมาหละก็ กินเข้าไปก็ขมเอาการเลยนะคะ เมื่อแช่น้ำจนแมลงคลายความขมหรือจนน้ำเป็นสีเขียวแล้ว ก็ทำการเข้าปีกของมันออกก่อน เพราะปีกที่แข็งของมันนี้กระเพาะเราไม่สามารถย่อยได้นะคะ แล้วค่อยนำไปทอดหรือคั่วตามความชอบเลยค่ะ แมงจีนูนนั้นนอกจากจะแซ่บอย่าบอกใครแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมโปรตีนอีกด้วย แถมยังนำไปจำหน่ายก็ได้ ประหยัดค่ากับข้าวไปได้เยอะเลยใช่ไหมคะ ต้องบอกเลยว่างานนี้ มีแต่คุ้มกับคุ้ม ภาพโดย นิติญาพร ใจเที่ยง และ pixabay ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2