หากจะหาร้านกาแฟน่านั่งสักแห่งภายในเมืองนครนพม คงบอกได้เลยว่ามีนะ แต่ที่อยากแนะนำมากๆ เลยก็คือร้าน 76a ร้านนี้มีให้เลือกสองแบบสองสไตล์ ถ้าชอบแบบมินิมอลต้องไปที่ 76a The Club ร้านอยู่ใกล้กับหอนาฬิกา แต่ถ้าชอบแนววินเทจต้องไปที่ 76a The Space ร้านอยู่ริมแม่น้ำโขง ทั้งสองร้านมีความแตกต่างกัน ถ้ามาเยือนนครพนมควรแวะดื่มกาแฟทั้งสองร้านนี้ในคราวเดียวกัน คุณจะได้ความรู้สึกที่แตกต่างและดีกันคนละอย่าง เรามาเริ่มกันที่ 76a The Space กันก่อน ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงถนนดิษฐ์วงค์วิถี อำเภอเมืองนครพนม อยู่ริมแม่น้ำโขง บรรยากาศดีมาก ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 - 18.00 น. เดิมทีร้านนี้เป็นบ้านของคนเวียดนามซึ่งมาตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทย ร้านแม้จะรีโนเวทบ้านหลังเก่าให้เป็นร้านกาแฟ แต่ก็ยังคงสถาปัตยกรรมเดิมๆ เอาไว้ในส่วนของภายนอกอาคาร เราจึงยังคงเห็นร่องรอยความเก่า ร่องรอยแห่งอดีตปรากฏอยู่ตรงหน้า ร้านจึงไม่สูญเสียความเป็นต้นฉบับไปมากนัก เป็นการตกแต่งร้านที่ให้เกียรติประวัติศาสตร์ ไม่ทอดทิ้งความเก่าโบราณ เพราะความเก่าไม่ใช่ความเสื่อมโทรม แต่มันคือการรักษารากเหง้าของวัฒนธรรมในย่านนั้นๆ ไม่ให้ถูกลบเลือนหายไป ขนมที่ร้านนี้เป็นเบเกอรี่ค่ะ และเราได้เลือก ดับเบิลช็อคโกแลตชีสเค้ก ราคา 130 บาท มาลองชิมดู เนื้อเค้กแน่นมาก ช็อคโกแลตเข้มข้น ไม่หวานมาก ถือว่าอร่อยใช้ได้ รสชาติกลมกล่อม ไม่เลี่ยน แต่เห็นชิ้นเล็กแค่นี้กินไม่หมดค่ะ ต้องให้พนักงานใส่กล่องกลับไปกินต่อที่โรงแรม สำหรับเครื่องดื่มนั้นได้ลอง Dirty Latte ราคาเพียง 70 บาท แก้วนี้เป็นตัวเอกของร้านเลยก็ว่าได้ รสชาติกาแฟนุ่มดีนะ ละมุนลิ้น มีความมันและหอมลึกๆ คือนั่งจิบละเมียดได้เรื่อยๆ ด้วยบรรยากาศร้านที่ค่อนข้างคลาสสิค และอยู่ติดแม่น้ำโขง การจิบกาแฟรสชาติดีดีสักแก้ว จึงเป็นอะไรที่เพลิดเพลินชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เคยได้ยินคำว่า slow life มานานละ ครั้งนี้ได้รู้ซึ้งถึงคำคำนี้เลยล่ะ เปลี่ยนอารมณ์กันเล็กน้อย มาอีกร้านนึง 76a The Club อยู่บริเวณหอนาฬิกาของเมืองนครพนม ร้านมีความขาวโพน เรียบง่าย แต่เก๋ไม่เบา ร้านนี้เปิดสายกว่าร้านแรก คือ จันทร์-พฤหัส เปิดเวลา 9.00 - 18.00 น. ส่วนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00 - 21.00 น. ภายในร้านมีที่นั่งหลายมุมให้เลือกนั่ง แม้ไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่สีขาวซึ่งเป็นสีหลักของร้านทำให้ร้านไม่แลดูอึดอัดแต่อย่างใด ยิ่งได้กลิ่นหอมของกาแฟตั้งแต่เดินเข้าร้านมา ยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ยังไม่ได้ที่นั่ง และเมื่อได้นั่งแล้วสิ่งแรกที่นึกอยากกินก็คือกาแฟนั่นแหละ อย่ากระนั้นเลย ขอลาเต้ร้อนๆ สักแก้วมาล้างปากหน่อยดีกว่า ราคาเป็นมิตรมาก แก้วละ 60 บาทเอง ส่วนขนมอบ ขอเลือกครัวซองชาไทยชาโคลจานนี้ 105 บาท ชอบในความดำและท็อปปิ้งสีส้มที่ตัดกันได้ดีกับสีดำของครัวซอง ตอนแรกก็คิดแค่ว่าสั่งมาเพื่อถ่ายรูปสวยๆ แค่นั้น แต่พอลองกินเข้าไป อืมม.. มันกรอบนอกนุ่มใน มีชาไทยที่ซ่อนอยู่ด้านในไหลเยิ้มออกมา ทำให้รู้เลยว่าชาไทยนั้นช่างเข้ากันได้ดีกับขนมอบแนวครัวซองแบบนี้ซะเหลือเกิน ความอร่อยยังคงต่อเนื่องด้วยการจิบลาเต้ร้อนไปพลางๆ อารมณ์ในช่วงนั้นจึงผ่อนคลาย กว่าจะย้ายร่างออกจากร้านได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เพลิดเพลินมากค่ะ หากคุณมานครพนมอีกครั้งใด อย่าลืมมา slow life ที่ 76a คาเฟ่น่านั่งทั้งสองร้านนี้นะคะ สองแบบสองอารมณ์ ถ้าชอบแนวย้อนยุควินเทจก็ไปที่ 76a The Space ริมแม่น้ำโขง แต่ถ้าชอบแนวมินิมอล สีขาวสะอาดตาต้องมาที่ 76a The Club และถ้าจะให้ครบสมบูรณ์แบบ มาให้ครบจบทั้งสองร้านเลยยิ่งดี เพราะร้านมีดีกันคนละแบบ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน คุ้มค่าในทุกอารมณ์ สะสมเรื่องราวได้หลากหลาย มากมายในความทรงจำ ทุกคำที่ได้ลิ้มลองมันไม่ใช่แค่ความอร่อย แต่เราได้รับรู้ถึงศิลปะในรูปแบบของอาหาร เครื่องดื่ม และสถาปัตยกรรมที่คนนครพนมได้บอกเล่าเรื่องราวที่มีความหมายไว้ในคาเฟ่ทั้งสองแห่งนี้แล้ว ปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ (ผู้เขียน) เขียนรีวิวด้วยสำนวนของผู้เขียนเอง