อื่นๆ

#หีบพาหลอน ปะกำ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
#หีบพาหลอน ปะกำ

#หีบพาหลอน ปะกำ

จดหมายลาตายหนึ่งฉบับถูกวางไว้ข้างเก้าอี้ที่ถูกถีบจนล้ม เพื่อให้ร่างที่ยืนทรงตังเหนือมันร่วงลงสู่บ่วงพันธนาการของเชือกไนล่อนซึ่งตรึงแน่นอยู่กับขื่อบ้าน “นรินทร์” เด็กสาววัยเพียง 19 ปีดีดดิ้นอย่างทุกข์ทนทรมาน สองมือสองเท้าป่ายปัดหาสิ่งยึดเกาะท่ามกลางอากาศธาตุ กว่าจะรู้คุณค่าของชีวิตก็สายเกิน กว่าจะเรียกร้องถึงการมีชีวิต ลมหายใจก็ถูกพรากไปเสียแล้ว

นิ้วเท้าหงิกเกร็ง นิ้วมือทั้งสองงอหงิก ลำคอถูกรัดแน่น ลิ้นจุกปาก...ดวงตาเบิกโพลง

เด็กสาวตายตาไม่หลับ!

เนื้อความในจดหมายพรรณนาถึงเรื่องราวอันแสนรันทดในชีวิตรักกับ “เมือง” ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่เป็นเสือผู้หญิง ฟันแล้วทิ้งไปทั่ว เด็กสาวเล่าถึงความรักและคำมั่นสัญญาที่อีกฝ่ายใช้หว่านล้อมเพื่อแลกกับพรหมจรรย์ของตน ซึ่งเธอใช้มันแลกเพื่อคาดหวังความรักและอนาคต แต่ท้ายที่สุด ชายหนุ่มเจ้าชู้ก็ปล่อยเธอทิ้งคว้างและขู่ว่าอย่าเอาเรื่องระหว่างทั้งสองไปบอกกับใคร ไม่เช่นนั้น...คลิปวีดีโอที่ถูกอัดไว้จะกระจายไปทั่ว

Advertisement

Advertisement

ความหวาดกลัวและความสูญเสียของเด็กสาวผู้เป็นคนดีคนหนึ่งส่งผลให้หัวใจอันแสนบริสุทธิ์ภิณท์พัง ทุกอย่างจึงจบลงเช่นนั้น และแม้ว่าจะเจ็บแค้นใจสักเพียงไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดๆ เอาผิดกับอีกฝ่ายได้ เนื่องจากว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายของนรินทร์เอง เมืองจึงลอยตัวอยู่ในสังคมโดยไม่สนใจถ้อยคำด่าทอ เพราะมิอาจจะทำให้ชีวิตเขาตกต่ำลง ชายหนุ่มยังคงมีความสุขกับสุราและนารีไปเช่นนั้น ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลง เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่ใช่คนที่จับนรินทร์เอาคอเข้าบ่วงเชือก...มันโง่ฆ่าตัวตายเองจะโทษใคร

ค่ำคืนหนึ่ง หลังจากเมาหยำเปจนแทบขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไม่ไหว แต่เมืองก็ยังคงเร่งความเร็วรถเสี่ยงตายจนรถส่ายเหมือนงูเลื้อยไปมาบนท้องถนนเพื่อกลับบ้าน ในตอนนั้นเอง แสงไฟหน้ารถก็ฉายส่องไปยังข้างทางที่มีใครบางคนยืนก้มหน้าอยู่ ความเป็นเสือผู้หญิงทำให้เขาจอดและทำการเกี้ยวพา แต่ในวินาทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา เขาก็รู้ชัดว่าอีกฝ่ายคือนรินทร์ แฟนเก่าที่เขาทำให้เธอต้องผูกคอตาย

Advertisement

Advertisement

ใบหน้าของเธออืดบวม ม่วงคล้ำจนแทบปริ ลำคอยังคงเห็นรอยเชือกชัดเจน ดวงตาปูนโปนกลายเป็นสีแดงช้ำเลือดช้ำหนองสบจ้องมาที่เขาจนทำให้เมืองแทบจาดสติ ตะโกนร้องโวยวายท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไม่มีใครช่วยเขาได้เลย...ไม่มี

“อยากได้กูมากไม่ใช่เหรอ ? ได้แล้วทำไมทิ้งกู!!!” น้ำเสียงกดต่ำดังก้องเย็นเยียบ ราวกับมันจะกรีดเข้าทั่วร่างกายของชายหนุ่ม พลันมือที่หงิกงอก็เอื้อมมาจับที่มือขวาของเมือง แล้วออกแรงบิดคันเร่งในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้รถมอเตอร์ไซค์พุ่งลงข้างทางอย่างรวดเร็ว ชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างอย่างอย่างแรง ร่างของเมืองพุ่งไปด้านหน้าตามความเร็วกระแทกเข้ากับต้นไม้จนสลบเหมือด แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำสนิท เมืองได้ยินเสียงหัวเราะสะใจดังก้อง และประโยคที่เขาจะไม่มีวันลืม

ปก                                                ขอบคุณภาพประกอบจาก FREE WEB :: https://unsplash.com/s/photos/scary

Advertisement

Advertisement

“มึงต้องมาอยู่กับกู”

 ไม่มีใครช่วยเหลือเมืองเลยในคืนนั้น รุ่งเช้ายามได้สติ ชายหนุ่มสะบักสะบอมกลับบ้านด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัว ครั้นบอกผู้เป็นพ่อว่าโดนผีอีนรินทร์หลอกจนได้เรื่อง ก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาความกับผีได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นผู้เป็นพ่อก็จะไม่ยอมให้ลูกชายเจ็บหรือโดนกระทำอีก

ค่ำคืนแรกของการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมืองต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่ในห้องพิเศษ ด้วยอาการเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว ตกดึก เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวบงอย่างภายในห้อง เมื่อปรือตามองเขาก็เห็นว่าเป็นพยาบาลที่กำลังจะเปลี่ยนสายน้ำเกลือ หากแต่เมื่อตั้งสติมองดีๆ เมืองก็ต้องชะงักค้าง เมื่อพยาบาลนั่นคือนรินทร์ ที่กำลังยืนมองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง จู่ๆ ที่บนเพดานห้องก็ปรากฏห่วงเชือกห้อยลงมาเป็นบ่วง เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังแว่วมารอบตัว แต่ทันทีที่จะขยับ ร่างของเขาก็นิ่งราวกับว่าไม่สามารถควบคุมใดๆ ได้ มีหน้าที่เพียงมอง...ต้องมองเท่านั้น

นรินทร์ค่อยๆ นำเชือกมาคล้องที่คอแล้วปล่อยตัวลงมาต่อหน้าต่อตาเมือง ชายหนุ่มน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว มีเพียงปากที่อ้า ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ร่างของนรินทร์กระตุกเกร็งหมุนคว้าง ก่อนที่จะทุรนทุรายกระทั่งนิ่งสนิทไป นรินทร์ค่อยๆ หมุนอย่างช้าๆ กระทั่งถึงช่วงองศาที่ทั้งสองประจันหน้ากัน จึงฉีกยิ้มแล้วระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมกับสำรอกของเหลวสีดำสนิทออกมาเจิ่งพื้น นั่นเป็นวินาทีเดียวกันที่เขาสะบัดตัวให้หลุดออกจากทุกสิ่งได้ ชายหนุ่มกระชากเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น ทุลักทุเลวิ่งเปิดประตูห้องออกไปก็ยังไม่วายที่จะมีเสียงหัวเราะดังตามมา ชายหนุ่มรีบวิ่งลงบันไดเพื่อไปหาที่ๆ มีคนเยอะๆ แต่แล้วด้วยความรีบรน เขาสะดุดขาตัวเองตกบันไดลงไปก่อนแน่นิ่ง...เหตุการณ์นั้นทำให้เขาขาหักสองท่อนบริเวณหน้าแข้ง ต้องดามเหล็กและจำเป็นต้องนอนที่โรงพยาบาลนั้นต่อ

ผู้เป็นพ่อเดือดเนื้อร้อนใจที่ลูกชายต้องถูกสิ่งที่ไม่มีตัวตนจ้องอาฆาตเช่นนี้ ในเมื่ออีเด็กนั่นฆ่าตัวตายเอง มันก็ควรตายไปสิ ไม่ควรมาตามจองเวรกัน ไม่มีใครบังคับให้มันฆ่าตัวตายสักหน่อย

ทว่าในเมื่อมันไม่สามารถทำอะไรด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ พ่อของเมืองจึงไปหาหมอผีที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำคุณไสยดำและการแก้เรื่องราวอาถรรพ์ต่างๆ คนอย่างอีผีนั่นจะให้พระมาสวดคงง่ายเกินไป ต้องเล่นให้มันไม่ได้ผุดได้เกิดเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเงินหลายหมื่นก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องรางของขลังกันผีที่ชื่อว่า “เชือกปะกำ” ซึ่งตามที่มาตั้งแต่โบราณ เชือกนี้เป็นเครื่องรางของขลังที่ทำมาจากหนังควายผ่านพิธีกรรม เพื่อใช้คล้องช้างศึกในสมัยก่อน จึงมีการผ่านพิธีกรรม การบวงสรวงต่างๆ รวมทั้งการอัญเชิญดวงวิญญาณให้มาสิงสถิตอยู่ภายในเชือก ศาสตร์แต่ละแขนงจะมีความเชื่อแตกต่างกันไป หากแต่ใช้เชือกปะกำนี้ไปในทางเดียวกัน จึงกลายมาเป็นเครื่องรางที่มีคุณในการกันผีและคุณไสยต่างๆ ตามการปลุกเสก พ่อผู้ใหญ่เชื่อว่าอย่างน้อยมันก็สามารถช่วยปกป้องลูกชายได้ และป้องกันอีผีนั่น รวมทั้งหมายจับมันถ่วงน้ำเสีย ไม่ต้องไปผุดไปเกิดสักภพสักชาติ

ปก                                                 ขอบคุณภาพประกอบจาก FREE WEB :: https://unsplash.com/s/photos/scary

วิญญาณของนรินทร์เฮี้ยนหนักมากในช่วงเวลานั้น มีผู้คนมากมายเห็นเธอเดินอยู่ตามท้องถนนในยามวิกาล หรือบางคนที่สัญจรผ่านบ้านของเธอ ที่ห้องของเธอบริเวณชั้นสองเมื่อมองผ่านหน้าต่างเขาไป มีคนเห็นว่าเธอแขวนคออยู่ตรงนั้น ทั้งยังยกมือขึ้นชี้หน้าใครที่สัญจรผ่านไปมาด้วย ทำให้ชาวบ้านแทบไม่กล้าสัญจรผ่านบ้านของเธอในยามวิกาลเลย

ในห้องที่เมืองทำการรักษา พ่อเอาได้เชือกประกำที่ได้มานั้นมาวางไว้ใต้หมอน แม้เมืองจะไม่ได้เชื่อเรื่องราวเหล่านี้มากมาย แต่การที่เขาได้พบเจอวิญญาณของนรินทร์ก็ทำให้เขาควรที่จะเชื่อได้แล้วว่าเรื่องราวพวกนี้อยู่เหนือเหตุผลใดๆ และมันมีอยู่จริง

ดึกคืนนั้นเมืองตื่นขึ้นเพราะถูกกระซิบอยู่ข้างหู

“ตื่นสิ...ถึงเวลาแล้วนะคะ” เขาคิดว่าเป็นพยาบาลเรียกกินยาฆ่าเชื้อ แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วเหตุการณ์พวกนี้เคยเกิดขึ้น ครั้นเมื่อลืมตาก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พยาบาลอีกแล้ว แต่เป็นนรินทร์ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างเตียง ที่ลำคอของเธอมีเชือกปะกำที่พ่อเอามาให้สวมคออยู่

เมืองดีดตัวลุกขึ้นจนขาที่ใส่เหล็กดามปวดแทบขาดใจ “มะ...มึงมาได้ไง ?”

นรินทร์หัวเราะร่วน “มึงเคยได้ยินไหม ว่าพวกหมอผีเขมรมันชอบตามหาเชือกผูกคอ เอาไปทำพิธีไสยดำ”

เมืองจ้องหน้านรินทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่เชือกนั่น “หรือว่า...”

“เชือกปะกำที่มึงเอามาไว้กันกูนี่คือเชือกจากหนังควายที่ถักรวมกับเชือกผูกคอกูเอง มันมาขโมยเอาไปพร้อมทั้งสะกดวิญญาณกูเอาไว้ในนี้อีกด้วย มึงรู้อะไรไหม ? มันสั่งให้กูมาปกป้องมึงจากความแค้นของกูเอง ไอ้เมือง...โชคร้ายหน่อยนะที่ยังไงมึงก็ไม่พ้นกู”

“ไม่นะ...ไม่!!!”

เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้เป็นพ่อเข้ามาเยี่ยมลูกชาย แต่ไร้ซึ่งร่างของเมืองอยู่บนเตียง มีเพียงสายน้ำเกลือที่ถูกถอด พร้อมหยดเลือด ก่อนที่จะพบว่าร่างของเมืองผูกคอตายกับราวระเบียง ร่างกายห้อยอยู่ด้านนอกของระเบียงชั้นหก ร่างกายของเขาบิดเบี้ยว นิ้วมืองอหงิก ลิ้นจุกปาก ดวงตาเบิกโพลง

เขาตายตาไม่หลับ!

ราวกับทุกๆ อย่างได้อยู่ในจุดที่ถูกต้องของมันแล้ว ยังไงเมืองก็ต้องตาย และจากเหตุการณ์นั้นเชือกปะกำของผู้ใหญ่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครได้พบเจอดวงวิญญาณของนรินทร์อีกเลย กลับกัน ทั้งหมู่บ้านกลับเริ่มเห็นดวงวิญญาณของเมืองที่เดินกะเผลกไปทั่วๆ หมู่บ้านด้วยขาข้างหนึ่งที่ใส่เหล็กดาม และลำคอของเขาก็มีเชือกปะกำพันธนาการเอาไว้อยู่...

และไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ทุกอย่างจะดีขึ้น พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า...หรือจนกว่าเขาจะหมดกรรมที่กระทำไว้

ปก                                                 ขอบคุณภาพประกอบจาก FREE WEB :: https://unsplash.com/s/photos/scary


เรื่อง - น้องหีบ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์