สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราได้รับภาระกิจใน True ID-Intrend ให้เขียนเรื่องกีฬา คิดอยู่ตั้งนานว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ทั้งที่เป็นคนชอบออกกำลังกาย งั้นก็เขียนเล่าเรื่องใกล้ตัวนี่แหละ นั่นคือเรื่องการวิ่งของเราเอง ส่วนตัวแล้วไม่ใช่คนที่วิ่งเร็วหรือวิ่งเก่งอะไร แต่อยากจะแชร์ให้ทุกท่านได้อ่าน เผื่อเป็นแนวทางและให้กำลังใจกับผู้ที่อยากเริ่มวิ่ง เอาล่ะเริ่มกันดีกว่าเนอะ จากมนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำ วันวันทำแต่งานไม่เคยสนใจเรื่องออกกำลังกายและการวิ่งเลย จนกระทั่งเห็นคนอ้วนเริ่มวิ่งเพื่อสุขภาพกันเยอะมาก และวิ่งได้ดีแบบไม่เหนื่อย จึงหันกลับมาถามตัวเอง เอ๊ะ! ทำไมคนอ้วนเขาวิ่งได้แต่เราวิ่งไม่ได้ ทำไมเราปล่อยให้ตัวเองดูทรุดโทรมไปตามอายุ เกิดคำถามว่า ทำไมเยอะแยะเต็มไปหมด เราจึงอยากเอาชนะใจตัวเองแล้วหันมาเริ่มวิ่ง https://pixabay.com/images/id-573762/ สำหรับเป้าหมายในการวิ่งเริ่มแรกของเราก็คือ อยากแข็งแรงขี้น และอยากลดไขมัน จึงเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการวิ่งและเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึก วันแรกที่ฝึกคือ วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่วิ่ง ซึ่งทำได้อยู่ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังวิ่งเสร็จแล้วหายใจหอบมาก ความรู้สึกเหมือนคนจะตายให้ได้ จนรู้สึกว่าฉันจะวิ่งไหวไหมน้อ เอาล่ะ วันที่ 2 ขอลองใหม่ แต่ยังเหนื่อยเหมือนเดิม 555 พอวิ่งไปเรื่อยเรื่อยเป็นเวลา 1 เดือน เฮ้ย ! เราเริ่มวิ่งได้ 5 กิโลเมตรแล้วนะ ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาทีอีกด้วย และสิ่งที่ได้หลังจากการวิ่งซึ่งชอบที่สุดก็คือ วิ่งแล้วหน้าใสขึ้นมาก แถมผิวพรรณดูดีขึ้น พอเราวิ่งบนลู่ไปสักระยะ เริ่มรู้สึกเบื่อการวิ่งอยู่กับที่และเป็นเวลานาน จึงเริ่มหันมาพัฒนาตัวเองไปเป็นการวิ่งตามสวนสาธารณะของหมู่บ้าน วิ่งช่วงแรกเหนื่อยกว่าวิ่งบนลู่เยอะมาก เพราะมีแรงต้านจากพื้นถนนซึ่งไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนลู่วิ่ง เราจะต้องใช้แรงจากเท้าพาตัวเองเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเอง จากเริ่มจากวิ่งเพราะอยากผอมอยากลดไขมัน พอเริ่มติดใจ ยิ่งวิ่งยิ่งมันจ้า อยากพัฒนาความเร็วขึ้นไปอีก เราจึงตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาเวลาจนทำให้วิ่งได้ดีขึ้น เมื่อฝึกวิ่งคนเดียวมาหลายเดือน เราจึงตัดสินใจลองเปลี่ยนบรรยากาศและทดสอบศักยภาพของตัวเอง ด้วยการลงสนามวิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่งาน CPF RUN FOR CHARITY 2019 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ระยะที่ลงวิ่งคือ มินิมาราธอน 14.1 กิโลเมตร รุ่นอายุไม่เกิน 39 ปีหญิง ตั้งใจไว้ว่าต้องวิ่งให้จบภายใน 2 ชั่วโมงให้ได้ ซึ่งความจริงแล้วเรายังไม่เคยลงวิ่งสนามฟันรัน 5 กิโลเมตรเลยด้วยซ้ำก้าวกระโดดไปวิ่ง 14.1 กิโลเมตรซะแล้ว แอบคิดในใจ เอาวะ...มาถึงขนาดนี้ ฉันต้องทำให้ได้ หลังจากวิ่งจบ เราทำเวลาได้ 1.27 ชั่วโมง ได้ลำดับที่ 22 ของรุ่นอายุ เกินคาดมาก มีความภาคภูมิใจที่สุด ว่าตัวเองวิ่งได้กะเขาแล้วโว้ย ส่วนเรื่องความแข็งแรงนั้น เรามั่นใจว่าแข็งแรงขึ้นแน่นอน และเรื่องความผอมตอนนี้ไม่ได้โฟกัสเลย ไม่ผอมช่างมันเถอะเนอะ 5555 แต่จริง ๆ เราน้ำหนักลดลงนะคะ และมีกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น เพราะเพิ่มการเวทเทรนนิ่งควบคู่กับการวิ่งเข้าไปด้วย เอาไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่ดีกว่าเนอะ สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่า จากคนที่วิ่งแค่ 2 กิโลเมตรแล้วเหนื่อยหอบแทบตาย ตอนนี้เรากำลังจะไปวิ่งระยะ 21.1 กิโลเมตร ในเดือน มี.ค. 2020 ซึ่งเป็นระยะฮาล์ฟมาราธอนแรกในชีวิต ที่กล้าลงระยะไกลเพราะเราสามารถวิ่งได้ชิว ๆ แบบไม่เหนื่อยมากอีกต่อไปแล้ว เราจึงอยากให้กำลังใจทุกคนที่เริ่มวิ่งหรือเริ่มออกกำลังกาย ช่วงแรกมันอาจจะเหนื่อยหน่อย อาจไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยมาก ทำให้รู้สึกท้อ ไม่อยากวิ่ง แต่อย่าเพิ่งถอดใจไปเลย ให้ฝึกวิ่งกันต่อไปไม่ว่าจะมีเป้าหมายอะไรก็ตาม แล้วจะรู้สึกว่าหัวใจเราแข็งแรงขึ้นแน่นอน แล้วจะรู้สึกภูมิใจกับผลที่ได้รับค่ะ ^^ สู้ ๆ นะคะ รูปภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียนเองค่า