ครั้งนี้ผู้เขียนจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปยังเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักแต่ด้วยเพราะผู้เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น นั่นคือเมือง Tangmarg นั่นเอง การเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปกับเพื่อน ๆน้อง ๆ ที่เป็นนักศึกษาอยู่ที่อินเดียด้วยกัน 7 คน เป็น ชายไทย 2 หญิงไทย 4 และ แขกชาย ชื่อ นาดีม อีก 1 คน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นไกด์จำเป็นในทริปนี้ โดยปกติแล้ว นาดีม จะเป็นครูสอนสโนว์บอร์ดและไกด์ปีนเขาของแคชเมียร์อยู่แล้วด้วยทำให้การเดินทางในครั้งนี้ดูราบรื่นการเช่าเหมารถก็จะได้ในราคาปกติไม่ใช่ราคานักท่องเที่ยวซึ่งอาจจะแพงกว่าสักเล็กน้อย การเดินทาง หากท่านผู้เขียนเดินทางจากไทยสามารถนั่งเครื่องจากไทยมาลงที่ นิวเดลี และเปลี่ยนเครื่องไปลงที่ ศรีนาการ์ หลังจากนั้น ต่อรถบัสหรือเช่ารถไปอีก 1.30 นาทีก็ถึง Tangmarg แล้วครับ ส่วนผู้เขียนและเพื่อนเดินทางเริ่มจากสถานี Howrah ที่เมือง kolkatta ใช้เวลา 27 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น อาจจะถึง 48 ชั่วโมงเลยทีเดียวเนื่องจากรถไฟที่นี่ดีเลย์บ่อยมาก หลังจากลงรถไฟที่ นิวเดลี ก็เปลี่ยนขึ้นรถไฟอีกสายไปลงที่สถานี Kalka รัฐหิมาจัลประเทศใช้เวลา 5ชั่วโมง จากนั้นนั่ง local bus ไปยังรัฐ จามมู และ แคชเมียร์ใช้เวลา 13 – 14 ชั่วโมง ถึงสถานีรถบัส ก็หาเช่ารถ jeep ซึ่งผู้เขียนและเพื่อนเช่าเป็นจำนวน 2 คันเนื่องจากไปกัน 7คน สัมะภาระก็ขนกันมาเยอะมากใช้เวลาอีก 1.30 นาที ก็ถึงจุดหมายของเราละครับ นั่นคือเมือง Tangmarg นั่นเอง ใช้เวลาร่วมๆ 3 วันเลยทีเดียว ข้อมูลทั่วไปของ Tangmarg Tangmarg ถูกใช้เป็นประตูสู่ Gulmarg ซึ่งGulmarg เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักกีฬา extreme เดี๋ยวคราวหน้าผู้เขียนจะมารีวิวการเที่ยวเมือง Gulmarg ให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน แท้จริงจากภาษาถิ่น Tang หมายถึง Pear และ Marg หมายถึงสถานที่ มีต้นแพร์ จำนวนมากในบริเวณใกล้เคียงของเมือง Tangmarg กระจัดกระจายในหมู่บ้านต่าง ๆซึ่งเท่าที่ผู้เขียนได้เดินรอบๆก็เห็นต้นแพร์ขึ้นอยู่ประปรายกำลังออกดอกดูแล้วสวยงามไปอีก จิบชาแคชเมียร์ แรกมาถึงเราได้เก็บสัมภาระ และ พบปะกับครอบครัวของนาดีม ซึ่งครอบครัวนาดีมอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ราว 10 คนได้ และถูกต้อนรับจากครอบครัวนาดีมด้วยอาหารและชามื้อใหญ่ ผู้อ่านประทับใจแกงไก่ใส่ผัก โคลราบิหรือ turnip cabbage ซึ่งลำต้นของพืชชนิดนี้จะเป็นหัวกลมๆ ใบคล้ายๆคะน้า แกงใส่ไก่ทอด ได้กลิ่นเครื่องเทศจางๆ อร่อยติดใจมาก หลังจากอิ่มหนำสำราญ จิบชา แคชเมียรี่ เสร็จเราก็ออกเดินสำรวจรอบๆหมู่บ้าน โดยมีพี่ชายของนาดีมชื่อ วิคกี้ อาสาเป็นไกด์ให้เราด้วย ผู้คนที่นี่เป็นมิตรมากกลุ่มเราเดินผ่านบ้านหลังไหนชาวบ้านก็จะยิ้มให้ เข้ามาพูดคุย ทักทาย บางคนถึงกับชวนไปดื่มชาที่บ้าน ชาวแคชเมียร์ดื่มชากันเป็นปกติอยู่แล้วเนื่องจากที่นี่อากาศหนาว ซึ่งเราก็เดินวนดื่มชาอยู่หลายบ้าน เรารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันทีการที่เพิ่งเคยสัมผัสกับชุมชนที่นับถือศาสนาอิสลามครั้งแรกไม่คิดว่าจะได้รับไมตรีและความรักขนาดนี้ เดินเท้าขึ้นเขาเป้าหมายคือ นั่งจิบชาที่ Drug Park ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามและอากาศที่ดีของ Tangmarg ทำให้เรารู้สึกว่าทุกๆที่ทุกๆที่คือการผจญภัยเช่นเดียวกับการเดินทางครั้งนี้ของเราเป็นการเดินทางระยะสั้นๆเลาะฝั่งแม่น้ำเล็กๆขึ้นเขาไปยังอุทยานธรรมชาติที่ชื่อว่า Drug Park การเดินทางด้วยเท้าออกจากหลังหมู่บ้านเส้นทางนี้สามารถเดินไปเรื่อยๆจนถึงลานสกีชื่อดังที่ Gulmarg ได้ โดยปกติช่วงฤดูหนาวนาดีมและพี่ชาย ซึ่งสอนสโนว์บอร์ดอยู่ที่ Gulmarg ใช้เล้นทางนี้กลับบ้านโดยใช้ สโนว์บอร์ด โดยการเดินทางครั้งนี้ก็มี วิกกี้ และหลานๆของนาดีมไปกับเราด้วย เราเดินลัดเลาะข้างธารน้ำซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะซึ่งในลำธารแห่งนี้มีปลาเทราซ์อยู่ด้วย นึกในใจถ้าตอนนั้นมีเบ็ดตกปลาไปด้วยคงสนุกน่าดู เราเดินเรื่อยๆข้ามสะพานไม้มาสักพักเจอยอดเขาเล็กๆแห่งหนึ่งเราจึงแวะนั่งพักและเล่นกับหลานๆของนาดีม หลังจากนั้นเราเดินขึ้นเขาต่อมาได้เจอกับโบราณสถานซึ่งถูกทิ้งร้างซึ่งดูออกได้ว่าเป็นศิลปะแบบฮินดูเราก็แวะพักและถ่ายรูปกันอย่างสนุก เดินมาอีกไม่ไกลก็ถึงจุดหมาย Drug park เรานั่งจิบชาดื่มด่ำบรรยากาศสักพักเราก็เดินกลับกัน สัมผัสชีวิตชาวบ้าน อีกกิจกรรมสำคัญและเป็นไฮไลท์คือการได้สัมผัสวิถีของชาวบ้าน ชาว Tangmarg เป็นชุมชนชาวอิสลามที่อยู่กันอย่างสงบสุขมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ชาวบ้านที่นี่จะมีสวนเล็กข้างบ้านปลูกผักผลไม้กินตามฤดูกาลพืชผักที่นี่จะเป็นพืชเมืองหนาว อาหารแทบทุกมื้อของเราที่นี่ส่วนใหญ่จะได้จากสวนเล็กๆข้างบ้านนี่เอง ผู้คนที่นี่อัธยาศัยดียิ้มแย้ม เด็กๆที่นี่น่ารักและดูสนิทสนมกับพวกเรามากพาพวกเราเดินรอบหมู่บ้านเล่นต่างๆนาๆระยะเวลาที่อยู่ที่แห่งนี้รู้สึกผูกพันธ์กับผู้คนและสถานที่แห่งนี้มาก การไป Tangmarg ครั้งนี้เราไปอยู่บ้าน นาดีม เป็นเวลาหลายวัน ได้สัมผัสชีวิตของชาวบ้านเรารู้สึกได้รักความรักได้รับมิตรภาพของผู้คนในที่แห่งนี้อย่างเปี่ยมล้นรู้สึกปลอกภัยและอุ่นใจ ภายในไม่กี่วันเราได้เพื่อนใหม่เป็นเด็กๆ พ่อค้าแม่ค้า คนเฒ่าคนแก่ ชาวไร่ชาวสวน ทุกๆคนในหมู่บ้าน ซึ่งต้อนรับเราเป็นอย่างดี พาเราไปทานข้าว จิบชา ทานผลไม้สดๆจากต้นเรียกได้ว่าประทับใจไม่รู้ลืม หากมีโอกาสผู้เขียนอยากกลับไปอีกหลายๆครั้ง ถ้าหากท่านผู้อ่านอยากมาเมืองแห่งนี้สักครั้งด้วยเพราะเมืองแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงามผู้คนเป็นมิตรและเป็นเมืองที่อู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง Gulmarg ที่นี่ก็มีโรงแรมไว้บริการท่าน ผู้เขียนหวังอย่างยิ่งว่า หากท่านผู้อ่านได้มาที่ Tangmarg นี้ จะได้รับความสุขและความประทับใจเหมือนที่ผู้เขียนได้รับ เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน Pramet Klangmuenwai