ในช่วงที่ทุกคนกำลัง Work From Home ความอึดอัด ความเบื่อย่อมเกิดขึ้นแน่นอน จะมีอะไรดีไปกว่าการบำบัดโดยธรรมชาติ อย่าเพิ่งตกใจไปว่าเราจะฝ่าฝืนนโยบาย Stay At Home แต่บทความนี้จะพาคุณไปเที่ยวสะแกราช ป่าที่ไม่ไกลจากเมือกรุงมากต่างหาก สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช ตั้งอยู่บนอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นสถานีวิจัยทางป่าไม้ที่ขึ้นชื่อระดับโลก มีนักวิจัยจากทุกมุมโลกมาเพื่อศึกษาไม่ว่าจะเป็นพรรณพืช สัตว์ป่า ระบบนิเวศ และชนิดพันธุ์ของสัตว์เด่นๆ คืองู เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในแถบร้อนชื้นทำให้มีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูงมาก เป็นองค์กรที่จัดค่ายให้ความรู้แก่เยาวชนทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่อีกด้วย ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ สองวันหนึ่งคืนท่ามกลางป่า เมื่อรถบัสมาถึงเราจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่และอากาศที่เย็นสดชื่นเพราะต้นไม้ที่ปกคลุมอย่างหนาแน่น ขณะที่กำลังเดินไปเก็บสัมภาระหากเราเงียบพอจะสังเกตเห็นเจ้าตุ๊กแกบิน ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่ได้บินได้แต่อย่างใด แต่เจ้าตุ๊กกแกนี้มีลักษณะพิเศษคือมีพังผืดที่แขนทำให้มีพื้นที่คล้ายปีกไว้สำหรับร่อน ทำให้คนเข้าใจผิดไปว่ามันบินได้ (ทำไมนึกถึงพี่ตูน บอดี้สแลม) จากนั้นเราจะเริ่มเดินป่ากัน!!! ป่าที่สะแกราชมีลักษณะเป็นป่าเต็งรัง ชื่อของป่านี้มาจากต้นไม้เด่นๆ ที่พบคือต้นเต็งและต้นรัง เราเดินฝ่าทุ่งหญ้าที่มีเต็งและรังขึ้นแซมอยู่โดยทั่ว ทำให้แม้อากาศเดือนมีนาคมจะร้อน แต่ไม่มากพอจะทำให้เราหงุดหงิดเลย เดินมาซักพักก็ได้เวลารับประทานอาหารเที่ยง แน่นอนว่ามาโคราชก็ต้องทานอาหารซิกเนเจอร์อย่างส้มตำโคราช ไก่ย่างและผัดหมี่โคราชรสชาติเปรี้ยวหวาน กินคู่กับส้มตำอร่อยอย่าบอกใครทีเดียว นั่งกินข้าวท่ามกลางธรรมชาติกันจนเป็นที่พอใจแล้ว เราก็เริ่มเดินกลับมาที่ค่ายเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่า มัด(แล้ว)ย้อม หลายคนน่าจะเคยใส่เสื้อผ้ามัดย้อม แต่ไม่เคยรู้กรรมวิธีในการทำ ผ้ามัดย้อมทำได้โดยการนำผ้าพับทบไปมาแล้วมัดกับเชือกเพื่อให้เกิดลวดลายตามที่ต้องการแล้วใช้สีย้อมที่มาจากธรรมชาติ เช่นสีครามจากต้นคราม สีแดงจากครั่งหรือสีเหลืองจากขมิ้นทาผ้าที่เรามัดไว้ จากนั้นนำไปต้มแล้วตากแห้งก็จะได้ผ้ามัดย้อมที่มีลายเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ถัดจากการมัดย้อมแล้ว เราก็ไปทำเรียนรู้การนำส่วนของพืชมาทำของใช้อย่างเสื่อกกและไม้กวาดกัน โดยเสื่อกกจะใช้กี่ในการทออาศัยความละอียดละออในการทอมาก เป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ต่อมาเราจะมาทำขนมดอกจอก ตัวขนมทำจากแป้ง ไข่ไก่ น้ำตาล และนำไปทอดโดยการใช้พิมพ์จุ่มไปที่แป้งที่เตรียมไว้และทอดด้วยไฟอ่อนก็จะได้ขนมที่เรากินเป็นอาหารว่างในยามบ่ายคนละชิ้นสองชิ้นกันแล้ว เมื่ออิ่มจากอาหารว่างตอนบ่ายก็ถึงเวลาไปดูตาน้ำกัน น่าเสียดายที่เราไปในช่วงหน้าแล้งทำให้น้ำแห้ง แต่แม้น้ำจะแห้งก็ยังคงความเขียวขจีของต้นไม้ ระหว่างทางขากลับเราได้เจอกับนกประจำชาติอย่างไก่ฟ้าพญาลออีกด้วย และส่งท้ายค่ำคืนนี้ด้วยการชมแมลงที่ออกมาเล่นไฟในยามค่ำคืน ซักพักเราก็ไปปิ้งข้าวโพด ข้าวเหนียวชุบไข่เพื่อเอาไว้กินตอนนอนดูดาว คืนนี้ฟ้าโล่งทำให้เรามองเห็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน อากาศเย็นสบายจนบางคนผล็อยหลับไปเลยก็มี ทริปสะแกราชเป็นทริปแรกๆ ที่ทำให้เราสนใจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมากขึ้น กิจกรรมที่จัด ป่าที่เดิน ตอบคำถามเราหมดแล้วว่า “สะแกราช...ไปทำไม” อาจจะต้องเปลี่ยนคำถามเป็น “ทำไมยังไม่ไป...สะแกราช”หมายเหตุ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยนักเขียน