ถ้าพูดถึงขบเคี้ยวที่สามารถเป็นทั้งของทานเล่นในยามว่าง และสามารถขึ้นโต๊ะเสริฟเคียงคู่อาหารเมนูต่าง ๆ แล้ว หมูกระจกก็เป็นของว่างประเภทหนึ่งที่หลายชนชื่นชอบ ทั้งซื้อกินเองและเป็นของฝากให้กับญาติ หรือเพื่อน เพราะราคาไม่แพง และสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่คำสัญคือช่วงกักตัว 14 วันที่เราออกไปสังสรรค์กับใครไม่ได้ ใครที่ตุนเสบียงอาหารหวานคาว และขนมขบเคี้ยวก็อาจจะน้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัว แต่วันนี้เรามีหมูกระจกที่กินแล้วไม่อ้วนมานำเสนอ จะกักตัวหนีโควิท-19 ทั้งที ก็ขอกักตัวแบบอร่อย ๆ และไม่อ้วนเด้อ หมูกระจกมีความต่างจากแคปหมูตรงที่ หมูกระจกนั้นจะใช้หนังหมูมาหั่นบาง ๆ คลุกเคล้าปรุงรสเรียบร้อยแล้ว ไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด เวลารับประทานจะมีเสียงดังเหมือนกระจกแตก ส่วนแคปหมูนั้นเป็นจะเป็นหนังหมูทอด มีขนาดชิ้นใหญ่กว่าหมูกระจก เวลารับประทานจะมีความกรอบ แต่ถ้าเทียบความกรอบแล้วหมูกระจกให้ความรู้สึกกรอบอร่อยมีรสชาติมากกว่าแคปหมู ผู้เขียนมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา และได้ไปชิมหมูกระจกเจ้าหนึ่ง มีป้ายสีชมพูเป็นรูปหมูน่ารัก ชื่อ Miss Piggy By Kru Yuy ซึ่งอร่อยจนต้องซื้อกลับไปบ้านหลายห่อ และพอไปให้คนที่ทำงานชิมก็มีการฝากสั่งกันคนละสองสามห่อ หมูกระจก Miss Piggy By Kru Yuy เป็นสินค้า OTOP เจ้าแรก ในตำบลลำนางแก้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 50 ผู้ผลิตสินค้า OTOP จากสินค้า 400 ชนิดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ซึ่งคุณยุ้ย หรือครูยุ้ย ผู้เป็นเจ้าของหมูกระจก Miss Piggy ได้พยายามคัดสรร “หนังหมู” ที่มีคุณภาพ เมื่อทอดแล้วไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ใช้น้ำมันใหม่ทุกครั้งในการทอด นอกจากนั้น ใบมะกรูด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการชูรสให้ Miss Piggy มีรสชาติดี มีกลิ่นหอม นั้น เป็นใบมะกรูดที่นำมาจากต้นมะกรูด ที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ในสวนของคุณคุณพ่อคุณยุ้ยนั่นเอง คุณยุ้ยยังบอกอีกว่าหมูกระจก Miss Piggy ทานแล้วไม่อ้วนเด้อ เพราะคุณยุ้ยได้ทำการลีนน้ำมันสองรอบ ใช้เทคนิคการทอดสลัดน้ำมันออก และใช้หนังหมูไร้มันเป็นวัตถุดิบ ซึ่งต่างจากหมูกระจกทั่วไปที่ใช้หนังหมูติดมันในการทอด และแม้การผลิตหมูกระจกจะยังเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน แต่คุณยุ้ยก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดเพื่อจะยกระดับสินค้าให้ไปสู่การส่งออกให้ได้ในอนาคต เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา หน่วยบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรม สำนักงานบ่มเพาะนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ประกาศรายชื่อให้กับ Miss Piggy By Kru Yuy เป็น 1 ในสมาชิกหน่วยบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรม เพื่อยกระดับผู้ประกบอการให้มีศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหน่วยบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรมนี้จะเป็นหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องคุณภาพการผลิต และการยกระดับสินค้า จึงเป็นที่เชื่อมั่นได้ถึงคุณภาพและความสะอาดของผลิตภัณฑ์ หมูกระจก Piggy มีทั้งหมด 7 รสด้วยกัน ได้แก่ รสดั้งเดิม รสปาปิก้า รสต้มยำ รสวิงแซ่บ รสบาร์บีคิว รสชีส และรสสาหร่าย ส่วนตัวผู้เขียนชอบรสปาปิก้าที่มีความเผ็ดนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ รองลงมาคือรสสาหร่ายที่มีการคลุกเค้าผงสาหร่าย เมื่อลองแลกเปลี่ยนกันชิมกับหลาน ๆ แล้ว เด็ก ๆ ชอบรสปากิก้า รสชีส และรสออริจินอล ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกว่ารสออริจินอลนั้นเหมาะกับการรับประทานแกล้มน้ำพริก หรือทานกับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกจะชูรสได้ดีกว่า แต่ปกติเวลารับประทานจะชอบล้วงเอาใบมะกรูดทอดในถุงหมูมากินแกล้มกับหมูกระจก เพราะหอม ๆ กินเพลินดี บางวันเผลอกินรวดเดียวหมดถุงก็มี และเพื่อเป็นการทดสอบความกรอบที่ทนนาน สำหรับคนที่สนใจอยากทั่วไปลิ้มลองที่บ้าน ในเพจจำหน่ายทั้งแบบปลีกและส่ง แต่แนะนำว่าซื้อแบบส่งจะดีกว่าเพราะสั่งไปน้อย ๆ แล้วอาจจะหมดในเวลาอันรวดเร็วและไม่คุ้มค่าขนส่ง หมูกระจกร้านนี้สามารถเก็บไว้ได้หลายวัน และยังคงความกรอบได้นานหลายสัปดาห์ แต่ถ้าฉีกถุงมาทานแล้วทานไม่หมด ควรปิดไล่อากาศออกให้หมดแล้วเก็บในตู้เย็นเพื่อรักษาคุณภาพของหมูกระจกค่ะ ผู้เขียนลองเก็บหมูกระจก Piggy ไว้ประมาณสามสัปดาห์เมื่อแกะห่อฉีกถุงออกมาลองชิมก็ยังกรอบอยู่ เมื่อทดลองเอาถุงที่ฉีกซองออกแช่ช่องฟรีซแล้วเอาออกมาทานในวันหลังก็ยังกรอบเป็นกระจกแตกเหมือนเดิม นอกจากสั่งมาทานเองแล้ว ใครอยากสั่งไปขายคุณยุ้ยยังมีแบบขายเป็นถุงเล็ก ๆ แบบตามร้านส้มตำก็มีเหมือนกัน สนใจก็ติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/MissPiggyFunSnack/ เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน