“หนองคาย” หากพูดถึงของกินขึ้นชื่อของจังหวัดนี้ คงต้องนึกถึง “แหนมเนือง” (มาจากคำว่า “แนมเหนือง” ซึ่งเป็นภาษาเวียดนาม ที่หมายถึง เมี่ยงหมูย่าง ออกเสียงและอ่านผิดเพี้ยนมาจนกลายเป็น “แหนมเนือง” ที่เราใช้เรียกกันในทุกวันนี้) เป็นของกินที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของชาวหนองคายและอุดรธานี มีอยู่ 2 เจ้าด้วยกันคือ “แดงแหนมเนือง” และ “วีทีแหนมเนือง” ขอเล่า Story เล็กน้อย แดงกับวีทีแหนมเนืองเป็นพี่น้องกัน แดงดำเนินกิจการก่อนโดยสืบต่อจากคุณแม่วี ชาวเวียดนาม ชื่อร้านมาจากชื่อของแดง–วิภาดา ลูกคนที่สองของแม่วี ที่ช่วยงานแม่วีทำแหนมเนืองขายมาตลอดจนเป็นกิจการของครอบครัว มีพี่น้องร่วมกัน 8 คน ต่อมาทอง ลูกคนที่ 5 ได้ขอแยกตัวเองออกมาทำงานนอกบ้านและแต่งงานกับลูกสาวร้านเสื้อสูท แต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ร้านเสื้อสูทมีลูกค้าน้อยลง จึงเปลี่ยนอาชีพมาทำแหนมเนืองพร้อมตั้งชื่อร้านแหนมเนืองของตัวเองว่า “วีทีแหนมเนือง” ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากตัวย่อภาษาอังกฤษของชื่อแม่วีและพ่อต่วน “แดงแหนมเนือง” เกิดก่อนที่หนองคาย “วีทีแหนมเนือง” ตามหลังมา จึงเลี่ยงไปเปิดตลาดที่อุดรธานีแทน เราได้มาชิมสูตรต้นตำรับที่ร้าน “แดงแหนมเนือง” ลูกชิ้นเนื้อหมูหมักอร่อยดี น้ำจิ้มสูตรเฉพาะกลมกล่อม กินกับผักเครื่องเคียงสดๆ (แต่ขาดมะเฟือง กระเทียมหั่นชิ้นใหญ่ไปหน่อย) แต่โดยรวมรสชาติอร่อยมาก ๆ เลย👍 (ชุดกลางราคา 230 บาท) นอกจากแหนมเนืองแล้วยังมีเมนูอื่น ๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน ที่เราชอบคือกุ้งพันอ้อย (อ้อยหวานอร่อย ปกติเค้ากินอ้อยกันมั้ย ไม่รู้แหละฉันจะกิน กินยากหน่อย ๆ แต่อร่อยมาก 555) 😄 5 ไม้ 250 บาท เมนูเมี่ยงมาดาม (พันหอม) ก็อร่อย 60 บาทเอง กระยอสด 50 บาท (อันนี้เค็ม ๆ หน่อย ๆ) ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เรากินก็จะมี หมูยอหนัง หมูยอหมู จานละ 70 บาท ยอดที่จ่ายไปทั้งหมดรวมน้ำและน้ำแข็ง 1,150 บาท ถือว่าถูกมาก เรามากัน 7 คน ยังกินไม่หมดเลยจนต้องห่อกลับบ้านอ่ะ แนะนำเลยร้านนี้อร่อยจริง คุ้มค่าสุด ๆ 👍 บรรยากาศของร้าน: ร้านค่อนข้างใหญ่ อยู่ริมแม่น้ำโขง อากาศโล่ง นั่งสบาย มีดนตรีสดให้ฟังด้วย พนักงานของร้านมีเยอะมาก พร้อมบริการประจำแต่ละโต๊ะ การเดินทาง: จากตัวเมืองหนองคาย ตรงไปตามถนนบรรเทิงจิต (ริมโขง) จะสังเกตเห็นร้านแดงแหนมเนืองอยู่ใกล้กับตลาดท่าเสด็จ มีป้ายร้านบอกชัดเจน (หากไปไม่ถูกให้เปิด GPS ไปนะคะ) ที่จอดรถมีเยอะมาก หลายจุด แต่ก็เต็มทุกจุด 😓 ว่าด้วยเรื่องของฝาก: รสชาติมันอร่อย เราก็อยากซื้อไปฝากที่ทำงาน สอบถามพนักงานว่าเอาขึ้นเครื่องได้มั้ย เค้าก็บอกว่าได้ ซื้อกันมา 3 กล่อง (ที่สนามบินก็มีขาย แต่เรามาถึงร้านแล้วก็อยากได้ที่สด ๆ ใหม่ ๆ เลยซื้อจากที่ร้านเลย) แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงสนามบิน เอาขึ้นเครื่องไม่ได้จ้า ปริมาณน้ำจิ้มเกิน เค้าแนะนำให้เอาบิลไปเปลี่ยนน้ำจิ้มที่ร้านด้านล่าง (ในใจก็นึกแค่เปลี่ยนเองไม่มีอะไรมั้ง เลยไม่ถือเงินและโทรศัพท์ไป) และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น 😟 👩เรา: มาเปลี่ยนน้ำจิ้มค่ะ เพิ่งซื้อที่ร้านวันนี้ นี่บิลค่ะ (พร้อมโชว์บิล) พนักงานร้าน: ค่าเปลี่ยนน้ำจิ้มกล่องละ 20 บาท นะคะคุณลูกค้า 👩เรา: ทำไงล่ะไม่เอาเงินไป คิดว่าแค่เปลี่ยนต้องจ่ายเงินด้วยเหรอ ก็ตอนซื้อบอกเค้าแล้วว่าเอาขึ้นเครื่อง เค้าก็บอกว่าเอาขึ้นได้ แล้วมาคิดค่าเปลี่ยนเนี่ยนะ (เริ่มอารมณ์ขึ้นแล้วค่ะ) พนักงานร้าน: คือมีลูกค้าหลายรายมาเปลี่ยนแล้วค่ะ ก็คิดค่าเปลี่ยน ซื้อที่ร้านพนักงานบางคนไม่ใส่ใจตรงนี้เลยหยิบผิดกล่องค่ะ ต้องเป็นกล่องที่มีสติ๊กเกอร์เครื่องบินถึงจะเอาขึ้นเครื่องได้นะคะ คุณลูกค้าเดินกลับไปเอาเงินมาก็ได้ 👩เรา: เดินกลับไปเนี่ยนะ มันไกลเกือบ 1 กิโลเลยนะ ไปกลับอ่ะ แล้วมันเสียเวลาด้วย มีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้มั้ยค่ะ ในเมื่อมันเป็นความผิดของทางร้าน แบบนี้ร้านเสียชื่อเสียงนะคะ พนักงานร้าน: เสียอะไร แล้วก็ให้ลูกน้องไปหยิบถุงน้ำจิ้มมาเปลี่ยนให้ 👩เราก็ยืนรอ โดยที่ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น เค้าก็แกะกล่องแบบอารมณ์เสีย เราก็อารมณ์เสียค่ะ ที่คุณพูดมาแบบนั้น มันเสียความรู้สึกมากค่ะ😥 จรรยาบรรณอยู่ตรงไหน เป็นความผิดพลาดของทางร้าน แล้วมาคิดเงินเราอีกเนี่ยนะ เศร้าแท้ เอาเปรียบผู้บริโภคจัง (ถ้าถือเงินไปตอนนั้นก็คงจ่ายแหละจะได้จบ ๆ รีบเปลี่ยน รีบไป) แต่ไม่ถือเงินไป และคิดว่ามันเอาเปรียบกันเกินไปแบบนี้ เลยให้เค้าแสดงความรับผิดชอบ☹ 👩เรา: เค้าเปลี่ยนเสร็จก็ยื่นถุงมาให้ เราก็พูดขอบคุณค่ะ แล้วเดินออกมา “อะไรที่ดีเราก็ว่าดี👍 อะไรที่ไม่โอเคเราก็ไม่สนับสนุน👎” “ภาพประกอบทั้งหมดโดยนักเขียน”