พูดถึงจังหวัดหนองคาย หลายคนมักจะนึกถึงแม่น้ำโขง ความเป็นเมืองชายแดน และสะพานมิตรภาพเพื่อข้ามไปยังพรมแดนฝั่งลาว แต่นอกจากภาพลักษณ์ในเรื่องดังกล่าวแล้ว หนองคายยังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม โบราณสถานและวัดวาอาราม ซึ่งตระหง่านเรียงรายอันสะท้อนถึงความเลื่อมใสศรัทธาของของประชาชนที่มีต่อบวรพระพุทธศาสนา ตลอดจนการย่งบอกถึงจิตใจที่ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีที่มีมาเนิ่นนานนับตั้งแต่คราวบรรพกาล หนึ่งในสถานที่ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญยิ่งของชาวหนองคายที่ใครต่อใครไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเมืองหนองคาย นั่นก็คือ "วัดโพธิ์ชัย" สถานที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูป "หลวงพ่อพระใส" พระคู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญยิ่งของชาวหนองคาย วัดโพธิ์ชัยนี้ถือเป็นพระอารามหลวงของจังหวัดหนองคาย โดยตัวพระอุโบสถมีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมแบบจตุรมุข คือมีหน้าบรรณ 4 ทิศ ประดับลวดลายปูนปั้น และกระจกสีต่าง ๆ สวยงามยิ่ง เมื่อเข้าภายในตัวพระอุโบสถ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงควาดงมงามอันมีเอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งที่ปรากฏเด่นชัดที่สุดก็คืองานจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ซึ่งมีความวิจิตรบรรจง และยิ่งใหญ่ตระการตาเป็นอย่างมาก ภายในพระอุโบสถประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปเนื้อทองคำปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 2 คืบ 8 นิ้ว ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานและทรงคุณค่ายิ่งต่อจิตใจของชาวหนองคาย ซึ่งจากตำนานที่จารึกไว้ภายในบริเวณวัดทราบว่า องค์หลวงพ่อพระใสนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง หรือประมาณเมื่อ 500 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นบริเวณที่ตั้งของประเทศลาว โดยพระราชธิดาของพระองค์ จำนวน 3 พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นการสืบทอดบวรพระพุทธศาสนา และได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปตามพระนามคือ พระสุก พระเสริม และพระใส โดยเมื่อแรกสร้างพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ดังกล่าว ได้มีการประดิษฐานไว้ในนครหลวงเวียงจันทน์ กระทั่งกาลเวลาผ่านเรื่อยมาจนถึงคราวสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของไทย ได้เกิดเหตุสงคราม และมีการอัญเชิญทั้งองค์พระสุก พระเสริม และพระใส ออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ข้ามแม่น้ำโขงมายังประเทศไทย หรือสยามในขณะนั้น กระทั่งถึงบริเวณแม่น้ำโขงได้เกิดลมพายุรุนแรง ทำให้องค์พระสุก ตกลงไปในแม่น้ำและจมหายไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น โดยในส่วนขององค์พระเสริมและพระใสได้มีการประดิษฐานไว้ในจังหวัดหนองคาย กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของไทยได้มีการอัญเชิญพระเสิรมและพระใสไปประดิษฐานในพระนครของไทย แต่ระหว่างการอัญเชิญ เกวียนซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระใสได้เกิดแตกหักเสียหายจนไม่สามารถอัญเชิญไปต่อได้ จึงทำให้มีเพียงองค์พระเสริมที่สามารถอัญเชิญไปจนถึงพระนครและปัจจุบันประดิษฐานอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ส่วนองค์พระใสได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน นอกจากการสักการะหลวงพ่อพระใสภายในพระอุโบสถเพื่อความเป็นศิริมงคลยิ่งแก่ชีวิตแล้ว ภายในบริเวณวัดโพธิ์ชัยแห่งนี้ ยังมีสถานที่ต่าง ๆ ให้เที่ยวชมอีกมากมาย ทั้งในส่วนของการปฏิบัติธรรม การทำบุญ และการสักการะพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ ภายในวัด สำหรับใครที่สนใจอยากไปกราบองค์หลวงพ่อพระใสเพื่อเป็นศิริมงคล ตลอดจนการไปท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อเสริมสร้างความเงียบสงบภายในจิตใจก็สามารถเดินทางไปได้ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งทางวัดเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น. โดยวัดโพธิ์ชัยแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนประจักษ์ศิลปาคม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ซึ่งอยู่ห่างจากภายในตัวเมืองหนองคายออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร พิกัดที่ตั้งของ วัดโพธิ์ชัย ภาพประกอบโดยผู้เขียน