เรื่องราวต่างๆที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กประมาณ 5 ขวบ ซึ่งในตอนนั้นผมตามประสาเด็กบ้านนอกทั่วๆไป ชีวิตส่วนใหญ่ต้องอาศัยอยู่กับตา ยาย เพราะพ่อกับแม่ ต้องเข้าไปหางานทำในเมืองหลวง(กรุงเทพมหานคร) เพราะความยากจนทำให้ผมกับพ่อ แม่ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองขาดความรักและความอบอุ่นนะครับ เพราะตากับยายเติมเต็มในส่วนนี้จนผมไม่รู้สึกว่าผมขาดอะไร ชีวิตประจำวันของผมในวันปกติ(จันทร์-ศุกร์)ตื่นเช้าก็แต่งตัวไปโรงเรียน ส่วนหลังเลิกเรียนก็จะมีจักยานคันน้อยคู่ใจ ปั่นจากบ้านออกไปที่ทุ่งนาระยะทางก็ไกลพอสมควร เพราะตากับยายมีอาชีพทำนาและหลังฤดูการเก็บเกี่ยวก็จะปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินในครัวเรือนด้วย ถ้าได้ผลผลิตมากก็จะแจกจ่ายให้กับเครือญาติหรือเอาไปขายที่ตลาด ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์นั้นผมก็จะช่วยตากับยายทำงานเท่าที่เด็ก 5 ขวบจะพอใช้ได้ วงจรชีวิตของผมก็จะมีประมาณนี้เรื่อยมา ตั้งแต่เล็กจนโตผมก็ได้ซึมซับวิถีชีวิตลูกชาวนามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีเงินทองมากมายแต่ความสุขก็อยู่รอบๆตัวเราไม่ได้ขาด ถึงฤดูกาลทำนาเมื่อไร ญาติพี่น้องก็จะมารวมตัวกัน ช่วยกันปักดำต้นกล้าจนเสร็จและก็รอเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อทุ่งนาสีเขียวขจีแปลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงฤดูการเก็บเกี่ยว ซึ่งในฤดูกาลเก็บเกี่ยวเป็นช่วงเวลาที่ชาวนามีความสุขรวมทั้งมีการเฉลิมฉลองในการเก็บเกี่ยว มีกาลเล่น ร้องรำทำเพลง เป็นการผ่อนคลายจากความยากรำบากในช่วงทำนา หากปีใดที่ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลชาวนาก็จะได้ผลผลิตจำนวนมาก แต่ถ้าหากฝนฟ้าไม่เป็นใจผลผลิตในปีนั้นก็จะได้น้อย นับว่าการทำนาต้องอาศัยโชคด้วยเพราะเราไม่สามารถจะกำหนดฟ้าฝนได้ดังใจเรา ต้องรอคอยฝนฟ้าให้ตกต้องตามฤดูกาลอย่างมีความหวัง ปัจจุบันถึงแม้ผมจะมีการงานทำที่มั่นคง แต่ว่าความฝันลึกๆของผมก็อยากกลับไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเหมือนในวัยเด็ก ไม่ต้องวิ่งตามกระแสโลกนิยม มีความสุขในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นจากที่นอน ในชีวิตอยู่กับครอบครัว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่สักวันหนึ่งในวันที่ผมพร้อม ผมก็จะกลับไปทำตามความฝันของตัวเองให้จงได้ รอก่อนนะบ้านนาของฉัน ท้องฟ้าของฉัน หนองน้ำของฉัน ทุ่งหญ้าของฉัน อีกไม่นานเกินรอแล้วฉันจะกลับไปหาที่ๆฉันจากมา "ทุ่งทะเลสีทอง"