วันนี้ผู้เขียนพาครอบครัวอันเป็นที่รักและนำผู้อ่านทุกคนไปเที่ยวเรียนรู้โลกกว้างไปพร้อมๆ กันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผู้เขียนมากนัก โดยออกเดินทางไปยังอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ถึงสี่แยกตลาดสดธวัชบุรีจะมองเห็นจุดหมายอยู่ตรงข้ามตลาดติดกับโรงเรียนเมืองธวัชบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ดแห่งนี้ ถือเป็นสถานศึกษาที่มีภารกิจในการเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป โดยมีรูปแบบการให้บริการการเรียนรู้ผ่านสื่อนิทรรศการที่น่าสนใจ การแสดงทางท้องฟ้าจำลอง รวมทั้งกิจกรรมศึกษาในรูปแบบต่างๆ และการจัดค่ายวิทยาศาสตร์ให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจได้เช่นกัน ซึ่งหากมองอาคารภายนอกจะเห็นความสวยงามทางสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนอีสาน ได้แก่ อาคารรูปทรงกระติบข้าว อาคารรูปทรงประทุนเกวียน และอาคารรูปทรงหวดนึ่งข้าว ที่ใช้งบลงทุนไปกว่า 750 ล้านบาท บนพื้นที่ 115 ไร่ และเป็น 1 ใน 4 ศูนย์วิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ที่ใครๆ ขับรถผ่านไปมาย่อมสะดุดตาเหลียวมองอย่างแน่นอนสำหรับวันเวลาในการเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 09.00 -16.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ในส่วนรอบการแสดงท้องฟ้าจำลอง เปิดทุกวันอังคาร - วันศุกร์ มีจำนวน 6 รอบ ได้แก่ เวลา 9.00 น. 10.00 น. 11.00 น. 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น และรอบวันเสาร์ จำนวน 4 รอบ เวลา 10.00 น. 11.00 น. 13.00 น. 14.00 น. และเมื่อเราเดินทางมาถึงสามารถจอดรถได้บริเวณโดยรอบแล้วซื้อบัตรผ่านประตูได้ในราคาเบาๆ ถ้าเทียบกับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับรองรับว่าคุ้มค่าเกินราคาหลายเท่าอย่างแน่นอน โดยมีอัตราค่าบริการ ดังนี้📌ชมนิทรรศการ ราคาสำหรับเด็ก 10 บาท/คน และผู้ใหญ่ 20 บาท/คน📌ชมนิทรรศการและท้องฟ้าจำลอง ราคาสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ราคา 30 บาท/คน📌เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี รวมทั้งผู้พิการและผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมฟรีผู้เขียนและครอบครัว รวม 4 คน จ่ายค่าบัตรเข้าชมนิทรรศการและท้องฟ้าจำลอง รวมเป็นเงิน 120 บาท (คนละ 30 บาท) เมื่อเดินเข้าไปในอาคารจะพบกับนิทรรศการต่างๆ มากมาย โดยแบ่งเป็นโซนให้เราได้ศึกษาเรียนรู้ที่มีทั้งสื่อรูปภาพ วิดีโอ วัสดุอุปกรณ์ และกิจกรรมการทดลองให้ได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้เขียนจะพาไปเรียนรู้และเข้าชมนิทรรศการทั้งหมด 9 โซน แต่ก่อนชมนิทรรศการบริเวณทางเข้าด้านหน้าจะมีภาพฉายลงบนพื้น ที่มีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของเราได้ด้วย ลูกสาวนี่ยืนงงกันเลย แต่พอสักพักก็วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานพวกเราเข้าชมเริ่มจากโซนด้านล่างเป็นนิทรรศการวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ที่ให้ความรู้ในเรื่องแรง การเคลื่อนที่ เสียง แสง ไฟฟ้าและแม่เหล็ก เป็นจุดแรกที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ปนเล่นอย่างมีความสุข ต่อด้วยการเข้าชมนิทรรศการพลังงานไฟฟ้า เป็นนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักทำงานของโรงไฟฟ้า และเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งเกร็ดความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบหลักการทางด้านไฟฟ้า และนิทรรศการความตระหนักรู้ด้านพลังงาน เป็นนิทรรศการที่สร้างความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนยังมีนิทรรศการที่น่าสนใจ ได้แก่ นิทรรศการโลกล้านปี เป็นนิทรรศการที่แสดงถึงการกำเนิดโลก กำเนิดสิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งมีรูปปั้นไดโนเสาร์ส่งเสียงร้องที่ทำให้ลูกสาวทั้งสองหวั่นกลัวไปบ้าง หลังจากนั้นเดินชมกันต่อที่นิทรรศการท่องแดนเอกภพ เป็นนิทรรศการที่นำเสนอความรู้เกี่ยวกับจักรวาล ระบบสุริยะ ดาราจักร ท้องฟ้าและดวงดาว ที่ผู้เขียนได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย ต่อด้วยการเข้าชมนิทรรศการเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพที่นำเสนอโดยการจำลองสภาพหรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันด้วยโมเดลขนาดใหญ่ นิทรรศการศูนย์เรียนรู้ข้าวหอมมะลิโลก ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเกษตรกรรมการปลูกข้าว และการผลิตข้าวหอมมะลิอันเลื่องลือ และนิทรรศการเทคโนโลยีและภูมิสารสนเทศ ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของดาวเทียมสำรวจทรัพยากรในการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ และปิดท้ายด้วยการเข้าชมท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในภาคอีสาน ที่รองรับผู้เข้าชมได้ถึง 120 ที่นั่ง/รอบ เริ่มต้นด้วยการรับชมภาพยนตร์สารคดีทางดาราศาสตร์ที่นำพาทุกคนไปพบกับความตื่นเต้นและสนุกสนาน และรับฟังการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับกลุ่มดาวต่างๆ บนท้องฟ้า เสมือนเราล่องลอยไปอยู่ในอวกาศอันสุดอ้างว้าง หากใครมีโอกาสเดินทางมาจังหวัดร้อยเอ็ดหรือจังหวัดใกล้เคียง อย่าลืมแวะมาเรียนรู้โลกกว้างเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมกันได้ที่นี่ และสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจกับแหล่งเรียนรู้แห่งนี้ นั่นคือ การผสมผสานความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีกับกลิ่นอายวิถีชีวิตวัฒนธรรมของคนอีสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง อาจจะพาครอบครัว ชักชวนเพื่อนๆ หรือมาทัศนศึกษาของนักเรียน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วกลับมาพบกับบทความดีมีสาระกับ Reebuck Rukbie อีกครั้งในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ📝 เรื่องและภาพโดยผู้เขียน