พุทธศักราช 2564 ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกเรื่องราวชีวิตของชาวนา พุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ชาวนาต้องเผชิญกับปัญหาน้ำแล้ง พุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ชาวนาต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม และพุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ฟังดูเหมือนละครที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งถูกปัญหาและอุปสรรค์เข้ามาเยือนหลายต่อหลายครั้งในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี และแน่นอนว่าเรื่องราวนี้ไม่ใช่ละคร ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "ชาวนา" วิถีชาวนาบทความเรื่องนี้คือวิถีชีวิตของชาวนา โดยลูกหลานของชาวนาที่ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาพร้อม ๆ กับการเจริญเติบโตของข้าวในนา จากข้อความข้างต้น หลายท่านอ่านแล้วคงจะมีข้อสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ในปีเดียวกันชาวนาที่ประสบกับปัญหาภัยแล้ง แล้วยังต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมอีกครั้ง คำตอบคือเป็นไปได้และเป็นไปแล้วกับชีวิตของชาวนา เรื่องราวของน้ำแล้งหรือน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเราเรียกมันว่าภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ธรรมชาติคือความไม่แน่นอน และสิ่งใดก็ตามที่ไม่แน่นอนจะถูกเรียกว่า "ความเสี่ยง" เป็นราคาที่ชาวนาต้องจ่าย โดยที่มี "ความหวัง" รออยู่ที่ปลายทาง และเราจะตีแผ่ความหวังและความเสี่ยงที่ชาวนาไทยต้องเผชิญไปพร้อม ๆ กัน"ความเสี่ยง" ที่ต้องจ่ายภัยธรรมชาติ น้ำแล้ง น้ำท่วม ราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ย ราคายากำจัดศัตรูพืช/วัชพืชราคาข้าวเปลือก จากความเสี่ยงทั้ง 3 ประการจะเห็นได้ว่าเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวชาวนาเอง เนื่องจากเป็นเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เป็นกลไกทางการตลาด เป็นภาวะเศรษฐกิจ หรือเป็นกระทั่งด้านนโยบายของภาครัฐ ซึ่งทั้งหมดอยู่นอกเหนือจากการกำหนดของกลุ่มชาวนาและนี่คือความเสี่ยงที่ชาวนาจำเป็นต้องจำยอม"ความหวัง" ที่รอคอยข้าวลูก/หลาน อายุของเกษตรกรในไทยพบว่าอยู่ในช่วงที่มากกว่า 40-50 ปี ซึ่งมีแนวโน้มที่ช่วงอายุของกลุ่มเกษตรกรสูงขึ้นเนื่องจากเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง รายได้น้อย และใช้แรงงานหนัก เกษตรกรหรือชาวนาส่วนใหญ่จึงไม่อยากให้ลูกหลานทำอาชีพเกษตรกร หากเป็นคนอีสานจะคุ้นเคยกับคำอวยพรที่ผู้ใหญ่มักจะบอกตอนเด็กคือ "ให้เรียนหนังสือเก่ง ๆ โตขึ้นมาเป็นเจ้าเป็นนาย" ซึ่งคำเหล่านั้นนำมาสู่ความพยายามส่งเสริมและผลักดันให้ลูกหลานได้มีโอกาสรับการศึกษาในระดับที่สูงเท่าที่กำลังจะส่งไหว ด้วยความหวังที่ว่าลูกหลานจะได้มีงานทำที่ดีกว่า ได้เงินเดือนที่สูงกว่าและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือความหวังของชาวนาความหวังที่ 1 คือปริมาณข้าวและราคาข้าว เป็นปัจจัยที่ทำให้ความหวังที่ 2 ดำเนินต่อไปได้คือการเปลี่ยนจากเมล็ดข้าวให้กลายเป็นเงิน นำมาส่งเสริมให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดี หมายความว่าหากปีไหนเกิดภาวะที่ราคาข้าวตกต่ำ(ดังเช่นปีนี้) โอกาสที่ลูกหลานชาวนาจะเรียนจบได้ถึงฝั่งฝันก็ลดลงตามราคาข้าวนั่นเอง หากจะมองให้ง่ายคือชาวนาปลูกข้าวเพื่อขายเอาเงินไปลงทุนด้านการศึกษาให้กับลูกหลาน หากวันดีคืนดีราคาข้าวตกต่ำกำลังที่จะสนับสนุนด้านการเรียนแก่ลูกหลานก็น้อยตาม หากวันดีคืนดีผลผลิตทำได้น้อยกว่าปกติกำลังที่จะสนับสนุนด้านการเรียนแก่ลูกหลานก็น้อยตามเช่นกันมาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายท่านคงเห็นภาพของชาวนาได้มากขึ้น ว่าข้าวสำหรับชาวนาแล้วไม่ใช่เพียงข้าวที่กินให้อิ่ม แต่ข้าวสำหรับชาวนาคือ "ความหวัง" ที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย แม้เป็นอาชีพที่ไม่หรูหรา แม้เป็นอาชีพที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แต่หัวใจของชาวนาคือการเป็นนักสู้ การเป็นคนขยันและหากมีเครื่องวัดระดับความขยัน เชื่อได้ว่าความขยันของอาชีพชาวนาคงมีค่าสูงที่สุดที่เครื่องจะอ่านได้เพราะคำว่าข้าวสำหรับชาวนาคือชีวิต ความหวังและอนาคต สุดท้ายนี้ขอใช้พื้นที่ส่งต่อกำลังใจให้กับชาวนาทุกคนและขอใช้พื้นที่ตรงนี้ทวงคืนความหวังอันโชติช่วงให้กลับมาเป็นของชาวนาทุกคน ภาพทั้งหมดโดยนักเขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !