ความเก๋ของคนไทยอีสานมีมากมายนับไม่ถ้วน โดยหนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องของ "กระติ๊บข้าว" อยู่ด้วยแน่ๆ แต่ละพื้นที่จะหยิบวัสดุมาสานกระติ๊บแตกต่างกันไป เป็นไผ่บ้าง เป็นหวายบ้าง แต่สำหรับคนสกลนคร เขาเลือกใช้วัสดุหายากอย่าง "ต้นคล้า" ไม้เนื้ออ่อนที่มักขึ้นเป็นกออยู่ริมหนองริมโคลน มาเป็นวัสดุหลักการสานกระติ๊บไม่ได้แสดงแค่ภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดหรือส่งต่อ แต่ยังสะท้อนถึงวิถีการทำงานของชุมชนที่มักมาลงมือร่วมใจกันทำ จนร้านอาหารในเมืองใหญ่เอากระติ๊บต้นคล้านี้มาใส่ข้าวเหนียวเสิร์ฟกันเป็นปกติ เป็นเสน่ห์ เป็นเอกลักษณ์ที่น่าหลงใหล กระติ๊บต้นคล้ายังไม่ได้อยู่แค่ที่เมืองไทย แต่ร้านอาหารไทยในต่างแดน ก็นิยมนำกระติ๊บต้นคล้าตั้งวางบนโต๊ะอาหาร เป็นอีกความเป็นไทยที่ต่างชาติต้องบอกว่า สวยงามน่ารัก สมกับยิ้มหวานๆ ของคนไทยอย่างดีงามคุณประนอม คำพรม แกนนำจักสานกระติ๊บต้นคล้า เล่าเรื่องกระติ๊บไว้ว่า “วิถีชีวิตคนสกลนครไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือคนรวย จะกินข้าวเหนียว และจะมีกระติ๊บข้าวเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นคนอีสานเสมอ” กระติ๊บข้าวในช่วงแรกๆ นั้นยังไม่ได้ทำมาจากต้นคล้า แต่จะใช้ไม้ไผ่เอามาทำ จนชาวอีสานได้มาพบว่า ในพื้นที่นี้จะมีวัชพืชชนิดหนึ่ง ที่เรียกชื่อว่า “ต้นคล้า” สังเกตดูแล้ว ต้นคล้านี้จะมีคุณสมบัติที่ทนทานมาก ชาวอีสานจึงคิดค้นที่จะนำมาทำประโยชน์ “ต้นคล้ามันทน เลยลองเอามาทำกระติ๊บข้าวดู ปรากฏว่าทนกว่าไม้ไผ่ถึง 5 เท่า ที่สำคัญต้นคล้าจะมีฟองน้ำนุ่มๆอยู่ด้านใน เป็นฉนวนกันความร้อนได้อีก เลยนำมาทำกระติบข้าวให้ใช้ได้ทนกว่า” คุณประนอมย้อนไปตั้งแต่ตอนที่ต้นคล้า เริ่มเป็นที่นิยมทำกระติ๊บ การทำกระติ๊บข้าว สำคัญอยู่ที่การคัดต้นคล้า เพราะต้องเลือกต้นคล้าที่อายุ 12 เดือนขึ้นไป หลังจากนั้นจะนำต้นคล้ามาตัดเป็นท่อนๆ และรีดให้เป็นเส้นตอก เมื่อได้ความหนา ความบางจนพอใจแล้ว ก็จะนำไปตากแดด และต้องตากแดดเป็นเวลา 7 วัน แต่ 3 วันสุดท้ายต้องนำมาตากตอนกลางคืนให้ตากน้ำค้างด้วย เพื่อให้ตอกคล้าคลายตัว และเมื่อได้ตอกมาแล้ว ให้นำมารีดให้แบน และนำมาสานลายสอง พอได้เป็นแผ่นแล้ว ก็จะนำมาม้วนให้เป็นทรงกลม ทรงกระบอก พอได้ขนาดตามต้องการ ก็จะม้วนพับกระติ๊บข้าวเป็น 2 ชั้น สานฝาให้เป็นวงกลม และใส่เข้าไปเย็บก้น ใส่สาย ใส่เชือก แล้วเย็บติดกันก็จะใช้ใส่ข้าวเหนียวได้เลย กระติ๊บข้าวไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของสกลนครเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงความเป็นคนอีสาน เป็นรากเหง้าและวิถีชีวิตที่มากด้วยเสน่ห์ให้พวกเรานั้นอยากอยู่กับความเรียบง่ายจากในหัวใจของเรา