เมื่อกล่าวถึงการเที่ยวชมปราสาทหินสมัยโบราณในจังหวัดสกลนครนั้น หลายคนคงจะต้องไม่พลาดที่จะมาเที่ยวชม พระธาตุนารายณ์เจงเวง ซึ่งพระธาตุนี้ตั้งอยู่ใน วัดพระธาตุนาราณ์เจงเวง บ้านธาตุ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเมือง จังหวัดสกลนคร แถมยังมีตำนานที่เล่าขานกันมาชวนให้การเที่ยวชมพระธาตุุนี้มีความสนุกมากยิ่งขึ้นพระธาตุหลังนี้เออกแบบให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากข้อมูลของกรมศิลปากรระบุว่าสร้างในสมัย “ศิลปะขอมปาปวน” ตรงกับแผ่นดินของพระเจ้าอุทัยอาทิตย์วรมัน ที่ 2 ระหว่าง ค.ศ.1050 — 1066 (พ.ศ. 1593 — 1609) หรือช่วงต่อระหว่าง พุทธศตวรรษ ที่ 16 — 17 โดยตำนานการสร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง กล่าวไว้ใน อุรังคธาตุนิทาน ซึ่งเป็นตํานานการสร้าง พระธาตุพนม โดยกล่าวไว้ว่า พญาสุวรรณภิงคารพร้อมด้วย พระนางนารายณ์เจงเวงพระเมสี เมื่อได้ทราบข่าวว่าพระกัสสปะจะนําพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐ์ไว้ที่ดอยกัปปนคีรีหรือภูกําพร้า ทั้งสองพระองค์จึงได้ชักชวนชาวเมืองหนองหานหลวงก่อพระธาตุไว้รอรับพระอุรังคธาตุ การสร้างพระธาตุจึงเกิดขึ้นสองฝ่าย ระหว่างฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ฝ่ายชายโดยการนำของพญาสุวรรณภิงคารก่อพระธาตุไว้บนภูเพ็ก(เทือกเขาภูพาน) ส่วนฝ่ายหญิงโดยการนําของพระนางนารายณ์เจงเวงก่อพระธาตุไว้ที่สวนหลวงของพระนาง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนองหานหลวง ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงในการแข่งขันการสร้างพระธาตุว่า ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นพอมองเห็นลายมือตัวเอง ให้ทุกฝ่ายเริ่มก่อพระธาตุจนไปถึงดาวเพ็ก(ดาวประกายพรึก)ขึ้นถ้าฝ่ายใดสร้างพระธาตุเสร็จก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ เมื่อถึงเวลาในการสร้างพระธาตุ ฝ่ายหญิงนั้นมีทั้งชาวเมืองหนองหานหลวงและเมืองหนองหานน้อยมาร่วมช่วยกันก่อพระธาตุ ฝ่ายชายก็ได้กล่าวอวดอ้างฝ่ายหญิงเช่นกันว่า ตนเองมีกําลังเหนือกว่าฝ่ายหญิง และได้ก่อขัว(สะพาน)หิน ยาวไปถึงตีนดอยแล้วก่อเป็นบันไดแก้วขึ้นอีก พระธาตุที่ฝ่ายชายสร้างนั้นอยู่บนเทือกเขาภูพานเป็นที่สูง จนคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่ในกลุ่มมของฝ่ายชายเตือนว่า "ให้ก่อพระธาตุให้เสร็จก่อนดาวเพ็กขึ้น แล้วจึงค่อยก่อสะพาน" พวกคนหนุ่มเหล่านั้นก็ไม่ฟังซ้ำยังบอกว่า "ทําไมจะไม่ทัน" ส่วนฝ่ายหญิงนั้นเลือกทําเลเป็นพื้นราบ การขนหินจึงง่าย ในขณะที่กำลังสร้างฝ่ายหญิงเห็นว่าฝ่ายชายจะสร้างเสร็จก่อน ตนจึงใช้มารยาพูดหยอกล้อ เล้าโลมฝ่ายชายที่กําลังสร้างพระธาตุ เพื่อให้ฝ่ายชายละทิ้งการก่อสร้างพระธาตุ ฝ่ายชายเมื่อได้ยินคําหวานต่าง ๆ จึงได้ชักชวนกันตามหญิงเหล่านั้นไป ขณะนั้นฝ่ายหญิงก็นําโคมไฟไปแขวนไว้บนยอดไม้ และประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ดาวเพ็กขึ้นแล้ว แม้แต่พวกที่อยู่บนภูเขาเมื่อมองเห็นแสงโคมไปก็เชื่อแล้วตามกันลงมา จึงเป็นอันว่าฝ่ายหญิงโดยการนําของพระนางนารายณ์เจงเวงเป็นฝ่ายชนะในการสร้างพระธาตุในครั้งนี้ พระธาตุนารายณ์เจงเวง ได้รับการบูรณะโดยกรมศิลปากรซึ่งใช้วิธีการแบบฝรั่งเศส เรียกว่า "อนาสติโลซีส" (Anastylosis) โดยรื้อทุกชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาด ซ่อมแซม และประกอบเข้าไปใหม่ตามเบอร์ที่กำกับไว้แต่แรก ปรากฏว่าพระธาตุนี้อาจจะเข้ากับสำนวนที่ว่า ซ่อมรถยนต์เสร็จยังมีชิ้นส่วนเหลือข้างนอกอีกมาก แต่รถก็วิ่งได้ เนื่องจากยังมีหินจำนวนมากที่ไม่ได้ประกอบ เพราะประกอบไม่ได้ จึงเห็นพระธาตุมีลักษณะแหว่งไปเล็กน้อย ซึ่งบรรยากาศบริเวณวัดก็มีความสงบ มีลานจดรถกว้างขวง สามารถมาแวะเที่ยวชม และกราบสักการบูชาได้สะดวกมาก ๆ สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางมาจังหวัดสกลนคร หรือเดินทางผ่าน ก็สามารถแวะเยี่ยมชมได้ตลอด เนื่องเป็นวัดที่อยู่ในหมู่บ้าน จะมีชาวบ้านแวะเวียนเข้าออกตลอดเวลา ส่วนการเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย เพราะวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ 5 กิโลเมตร ขอให้มีความสุขกับการท่องเที่ยว.. การเดินทาง รถส่วนตัว ใช้เส้นทางสกลนคร-อุดรธานี (ทางหลวงหมายเลข 22) ถึงบริเวณบ้านธาตุ ก่อนถึงสี่แยกถนนเลี่ยงเมืองเล็กน้อยให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 400 เมตร รถสองแถว (สกล-พังขว้าง) จาก บ.ข.ส. สกลนคร มาลงหน้าปากซอย แล้วเดินเท้าต่อเข้าไปอีก 400 เมตร ภาพถ่าย โดยนักเขียน FoomFoom