ราววันที่ 5 หลังจากเดินทางจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่สกลนครเจ้าเพื่อนคนดีที่ตอนนี้อยู่มุกดาหารก็เดินทางมาหาฉันที่อยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางสังคมที่แปลกใหม่ ครั้งแรกที่เจอกันเธอกลับทักทายฉันด้วยเสียงหัวเราะและความรู้สึกเหลือเชื่อว่าพ่อกับแม่ที่แสนหวงลูกจะอนุญาตให้ฉันเด็กคนหนึ่งที่โตแต่ตัวแต่ใจและความคิดยังคงเด็กมาก ๆ มาใช้ชีวิตคนเดียว เธอเอาแต่ขำจนเราคุยกันแทบไม่รู้เรื่องกันเลย ฉันไม่ว่าอะไรปล่อยเธอให้ขำไปอย่างนั้นแหละ มันไม่แปลกหรอกที่เธอจะขำเอาเป็นเอาตายแบบนี้เพราะฉันเองก็ยังคงแปลกใจพ่อแม่ตัวเองอยู่เหมือนกันที่ยอมให้ฉันมาฝึกงานตั้งไกลขนาดนี้ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนละก็รับรองได้แน่นอนเลยว่าฉันจะไม่มีทางมาไกลได้ขนาดนี้หรอก ตอนที่พ่อกับแม่มาส่งฉันที่สนามบินฉันก็ยังแปลกใจตัวเองตัวไม่แพ้กันที่ไม่ร้องไห้ทั้งที่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คือร้องหนักไปแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะมาเล่าในครั้งนี้ เพราะเจ้าเพื่อนคนดีของฉันบอกว่าจะมาหาฉันแล้วจะพาฉันไปซื้อของเข้าหอแถมจะพาไปเที่ยวทำความรู้จักเมืองสกล ในฐานะที่เธอเป็นเจ้าบ้าน (เธอเรียนอยู่ที่สกลนครแต่ไปฝึกงานที่มุกดาหาร) เธอก็อยากพาฉันที่เป็นผู้มาเยือนได้แวะเที่ยวเยี่ยมชมสกลนครจะได้ไม่เหงามาก ซึ่งที่แรกที่เธอพาฉันไปก็คือ BIg C ซื้อไข่กับหมอน และเครื่องปรุงต่าง ๆ เจ้าเพื่อนก็เสนอแนวทางว่าถ้าอยากซื้อของราคาประหยัดให้ไป Makro เธอพาฉันกลับไปเก็บของแล้วก็มุ่งตรงไป Makro เพื่อไปซื้อหม้อ กระทะ และของสดต่าง ๆ เพื่อเตรียมทำอาหาร ที่ต่อไปหลังจากได้ของมาแล้วก็คือ Robinson เพื่อมาหาของกินลงท้องหลังจากที่เราทั้งสองคนยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ตอนเช้าซึ่งเวลาก็ได้ล่วงมาเกือบเที่ยงแล้ว หลังจากได้ของเข้าหอครบแล้วเป้าหมายต่อไปของเราก็คืองาน "สกลเฮ็ด" เป็นงานฝีมือจากชาวสกลนคร ซึ่งเขามีจัดขึ้นทุก ๆ ปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 และจัดขึ้นที่ Farm Hug เป็นฟาร์มเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหาร หรือเป็นร้านอาหารสวน ๆ ที่มีฟาร์ม สรุปคือ Farm Hug เป็นทั้งร้านอาหารและเป็นฟาร์มแกะขณะย่อม มาที่เดียวฉันได้แวะเที่ยวถึง 2 ที่เลย ฉันกับเพื่อนเดินสินค้านานาชนิดที่ถูกวางเรียงราวภายในแต่ละบูธในงานครั้งนี้ แต่ฉันว่าเราสองคนเผื่อเวลามากเกินไปหน่อยเพราะตอนมาถึงเขาเพิ่งเริ่มเปิดงาน บูธยังเปิดไม่หมดเลยแถมพระอาทิตย์ก็ฉายแสงส่องไอแดดร้อนกระทบผิวบอกได้คำเดียวว่าแอบรู้สึกแสบผิวมาก แต่ด้วยความที่สินค้า และผลิตภัณฑ์ในงานน่าสนใจมาก มากเกินกว่าที่ฉันจะยอมแพ้ต่อแดดของพระอาทิตย์ บูธแล้วบูธเล่าผ่านการแวะเยือนของฉัน แต่ด้วยสินค้าในงานเป็นงาน Hangmade ราคาเลยจะค่อนข้างสูงอยู่หน่อยหนึ่ง แต่ถ้าใครชอบสินค้าแนวผ้าฝ้าย ผ้าคราม (สินค้นขึ้นชื่อของจังหวัดสกลนคร) ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่ และอีกหลากหลายแบบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ Organic งานนี้ตอบโจทย์คุณมาก ๆ เลย เมื่อเดินมาจนครบรอบของงานจึงได้รู้ว่างานถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นส่วนของสินค้าที่เรา 2 คนได้เดินดูไปและอีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนของอาหาร ที่มีอาหารหลากหลายเมนูตั้งบูธไว้แต่น่าเสียดายที่เรามากันเร็วเกินไปส่วนของโซนอาหารเลยยังไม่เปิด ซึ่งฉันคิดว่าในส่วนของโซนอาหารน่าจะตอบโจทย์กระเพาะของฉันในมากเลย ในที่สุดเราสองคนก็ทนต่อความเกรี้ยวกร้าดของแสงแดดไม่ไหวเลยตัดสินใจไปนั่งพักร่มที่บริเวณร้าน Farm Hug ก่อนจะเดินทางไปจุดหมายต่อไปที่อยู่ไกลจากตัวเมืองราว 20 กิโลเมตร แต่จะเป็นที่ไหนขอเก็บไว้ก่อน เราไปดูบรรยากาศร้าน Farm Hug กันก่อนดีกว่า Farm Hug เป็นร้านอาหารที่มีสินค้าสำหรับของฝากขายอยู่ด้วย บรรยากาศร้านค่อนข้างดีมาก ด้วยลักษณะร้านที่ทำแนว Open นั่งกินนอกตัวอาคารมีต้นไม้ ดอกไม้นานพันธ์ุถูกปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาแก่ผู้มาเยือน และเมนูแนะนำของที่นี่ก็คือ "สเต็ก" โดยเฉพาะสเต็กเนื้อแกะที่เขาว่าดีงามควรค่าแก่การลิ้มลอง (จากการสอบถามและดูรีวิว) แต่ด้วยฉันที่ไม่กินสัตว์ใหญ่และด้วยเวลาที่มีจำกัดในการเดินทางไปอีกที่เราเลยไม่ได้แวะชิมอาหารที่นี่ หลังจากออกจากที่นี่เพื่อนที่วันนี้รับหน้าที่เป็นคนขับก็บิดความเร็วเพิ่มความแรงพุ่งตรงไป "ท่าแร่" โดยเจ้าเพื่อนของฉันบอกว่าเป็นชุมชนคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งช่วงที่ฉันไปนั้นเป็นช่วงใกล้วัน Chirtmas ที่ชุมชนนี้ก็จะมีการจัดแสดงแสงไฟประดับโบสถ์ ประดับบ้านสวยงาม และก็จริงอย่างที่เจ้าเพื่อนของฉันรีวิว เมื่อเราเริ่มเข้าใกล้ชุมชนท่าแร่ ฉันก็เริ่มเห็นการตกแต่งประดับบ้านด้วยไฟระยิบระยับดังเช่นที่เคยเห็นในหนังเลย ยอมรับเลยว่ามันสวยไม่เบาเลยนะ ถ้ามีโอกาศก็อยากให้ทุกคนได้ลองแวะเวียนมาชม และเมื่อวันที่ 25 ธันวา ที่ตรงกับ Christmas Day เขาก็จะมีอีกประเพณีหนึ่งนั่นคือ "การแห่ดาว" โดยจะมีการแห่จากชุมชนท่าแร่เข้ามาในตัวเมืองสกลนครและไปตั้งประดับดาวนั้ยไว้ที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร สกลนครเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่เต็มเปี่มไปด้วยอารยธรรมและวัฒนธรรมไว้โอกาศหน้าถ้ามีโอกาสได้แวะเวียนไปเที่ยวไหนต่อเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังแต่สำหรับครั้งนี้ขอลาไปก่อน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับทุกการเดินทางนะคะ (แต่ช่วงนี้กักตัวก่อนดีกว่า) เครดิต : ภาพทั้งหมดผู้เขียนเป็นคนถ่ายเองจากสถานที่จริง