ย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วครั้งที่ผมยังเป็นเด็กน้อย มีโอกาสได้วิ่งเล่นตามท้องทุ่งน่าในเขตชนบทของจังหวัดสกลนคร อากาศบริสุทธิ์สดชื่นท้องทุ่งเขียวขจี วันนี้ผมอยากมาเล่าความเปลี่ยนแปลงของชาวนา ถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตในอดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีการเปลี่ยนไปขนาดไหนบ้าง มีหลายเรื่องราวที่น่าสนใจอยากนำเสนอให้เพื่อนๆได้มาลองอ่านกัน เดิมในอดีตตอนผมเด็กๆประมาณปี 2540 ยุคนั้นชาวนาจะใช้เคียวเกี่ยวข้าวทีละก่อๆไปเรื่อยๆ จากนั้นใช้ตอกจากไม้ไผ่มัด แล้วนำมากองรวมๆกันไว้ ชาวนาจะนวดข้าวด้วยมือหรือที่คนอีสานเรียกว่า "ฟาดข้าว" คือเอาข้าวไปตีกับไม้กระดานเพื่อให้ข้าวหลุดออกมาอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะเสร็จ ทำให้ชาวนาต้องมีการลงแขกแล้วต้องมานอนเฝ้าข้าว ผมเองเคยไปนอนเฝ้ากับพ่อสมัยเด็กๆ พากันเอาฟางข้าวมาสร้างเป็นกระท่อมก่อไฟย่างไก่กินกันเป็นบรรยากาศแบบอบอุ่นๆ ผ่านมาอีก 5-6 ปี ก็เริ่มมีรถนวดข้าวเข้ามา ชาวอีสานจะเรียกเจ้านี่ว่า "รถสีข้าว" ชาวนายังเกี่ยวข้าวด้วยเคียวเกี่ยวข้าวเหมือนเดิมมัดข้าวด้วยตอกเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือไม่ต้องฟาดข้าวแล้ว เอาข้าวที่มัดไว้ยัดใส่เจ้ารถสีข้าว ข้าวก็จะออกมาเป็นเม็ดๆ จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวันแต่ยุคนี้แค่ชั่วโมงเศษๆก็เสร็จแล้ว บรรยากาศก็จะเป็นการลงแขกเพื่อนบ้านมาช่วยกันอย่างสนุกสนาน มีการทำกับข้าว ต้มไก่ ลาบ ก้อย เหล้าขาว ถือเป็นเมนูบังคับที่ต้องทำทุกลานเก็บเกี่ยว มาถึงยุคปัจจุบันชีวิตของชาวนาสะดวกสะบายมากขึ้น มีรถเกี่ยวข้าวเข้ามา ไม่ต้องมีเคียว ไม่ต้องใช้ตอกจากไม้ไผ่ เพราะรถเกี่ยวเสร็จ ข้าวก็ออกมาเป็นเม็ดๆได้เลย ถึงแม้จะได้ความสะดวกสะบายเข้ามา แต่ชาวนาก็ต้องแลกไปกับการสูญเสียบรรยากาศของความสามัคคีของชุมชม ความใกล้ชิดของเครือญาติและเพื่อน เสน่ห์ของความเป็นชบบทเริ่มหายไป เพราะต่างคนต่างก็รีบทำนาแข่งขันกัน ซึ่งก็คงเป็นไปตามยุคตามสมัยของเทคโนโลยี แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะครับวันนี้ลาไปก่อนครับ ขอบคุณเครดิตภาพ/บ้านสวนพอเพียง/อักขณิข ศรีดารัตน์