ถ้าพูดถึง "พญาเต่างอย" หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้มาแล้ว ไม่ว่าจะจากบทเพลง ของศิลปินลูกทุ่ง จินตรา พูนลาภ หรือจากคำเล่าขานต่อ ๆ กันมา ซึ่งพญาเต่างอย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ใกล้วันหวยออกผู้คนจะแวะเวียนไปสักการบูชากันอย่างล้นหลาม ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอเต่างอย ซึ่งหลายคนที่มาสักการะก็ได้โชคได้ลาภกันกลับไป วันนี้ผมเลยจะมาเล่าประวัติและการก่อสร้างพญาเต่างอยให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ฟังกัน ตำนานพญาเต่างอยนั้น ถูกเล่าขานขึ้นเมื่อเกือบ 400 ปีก่อน ในช่วงนั้นประเทศไทยได้ทำสงครามกับประเทศลาว ประเทศลาวพ่ายแพ้ จึงถูกกวาดต้อนมาอยู่ในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงลำน้ำพุง ก็ได้เห็นว่ามีเต่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้คนในสมัยก่อนนั้นเห็นว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัย จึงได้ตั้งถิ่นฐานขึ้น โดยตั้งชื่อว่า หมู่บ้านเต่างอย ตามสถานที่ที่เห็นเต่าที่กำลังลอยริมฝั่งแม่น้ำ (เต่างอย หมายถึง เต่าที่กำลังอยู่บนที่สูงที่เป็นริมตลิ่งหรือโขดหิน) ตั้งแต่นั้นมา หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า และได้ตั้งชื่ออำเภอว่า เต่างอย ตำนานการก่อสร้างพญาเต่างอย จากการที่อำเภอเต่างอยได้รับพระราชทานน้ำพระราชหฤทัย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็ดพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ จนทำให้เกิดโครงการในพระราชดำริ หลายโครงการ เช่นมีการสร้างอ่างเก็บน้ำถึง 8 แห่ง มีการสร้างโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 ที่บ้านนางอย เป็นต้น ส่งผลให้ชาวเต่างอยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ประกอบกับเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่รัชกาลที่9 ทรงพระชนมายุครบ 84 พรรษา พี่น้องชาวเต่างอยจึงได้ร่วมกันพิจารณาว่า ควรสร้างรูปปั้นเต่าใหญ่คาบแก้ว (ต่อมาภายหลังได้เอาออก เพราะชาวบ้านเชื่อว่าทำให้เกิดฝนแล้ง) เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นศูนย์รวมใจ ให้เป็นที่สักการบูชาของชาวเต่างอยและประชาชนโดยทั่วไป ประกอบกับพื้นที่ของอำเภอเต่างอยด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นเชิงเขาภูพาน ถนนจะขนานไปกับลำน้ำพุงที่ไหลลงสู่อำเภอเต่างอย ตรงนั้นจะเป็นหน้าผาและมีหินก้อนใหญ่ตามธรรมชาติก้อนหนึ่ง ขนาดเท่าบ้านทั้งหลัง มีรูปร่างเหมือนเต่า หันหน้าไปทางลำน้ำพุงด้านทิศตะวันตก ชาวเต่างอยเรียกกันว่า "ผาพญาเต่างอย" (ที่มา : ททท.สำนักงานนครพนม) ซึ่งหินก้อนใหญ่ก้อนนี้มีมานานนับพันปีโดยธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านเลยเชื่อกันว่า แม้แต่ธรรมชาติก็ยังมอบสิ่งล้ำค่าคือ พญาเต่างอย ไว้ให้แก่ชาวเต่างอยแล้ว ยังถือว่าเป็นสิ่งมงคล เป็นเอกลักษณ์ของชาวเต่างอยโดยแท้จริง จึงได้มีมติให้สร้างรูปปั้นเป็น "พญาเต่างอยคาบแก้ว" ขึ้น พี่น้องชาวเต่างอยได้ร่วมกันพิจารณาเพื่อเพิ่มคุณค่าของพญาเต่างอย ให้ควรค่าแก่การสักการบูชาและเห็นว่า พญาเต่างอยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงได้บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอเต่างอยไว้ในตัวพญาเต่างอยอีกด้วย สิ่งมงคลต่าง ๆ ที่บรรจุไว้มีดังนี้ 1. หลังพญาเต่างอย บรรจุพระธาตุของปัจเจกพุทธเจ้า 3 พระองค์ ที่ดอกบัวบานหลังเต่า 2. หัวใจพญาเต่างอย บรรจุพระธาตุดวงแก้ว และวัตถุมงคลที่ชาวเต่างอย และผู้มีจิตศรัทธานำมาบริจาคบรรจุไว้ 3. ท้องพญาเต่างอย บรรจุมวลดินจากดอนปู่ตา ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละหมู่บ้าน รวม 32 หมู่บ้านของอำเภอเต่างอย 4. ท้องพญาเต่างอย บรรจุมวลดินจากวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอเต่างอย รวมทั้งหมด 35 วัด ในเขตอำเภอเต่างอย 5. เกล็ดบนหลังพญาเต่างอย จำนวน 5 เกล็ด ทำเป็นรูปปูนปั้นนูนต่ำขุดพระเครื่องเบญจภาศ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องของเมืองไทย ประกอบด้วย 5.1 พระเครื่องสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ 5.2 พระเครื่องพระรอดเมืองลำพูน จ.ลำพูน 5.3 พระเครื่องสมเด็จนางพญา จ.พิษณุโลก 5.4 พระเครื่อง พระซุ้มก้อ จ.กำแพงเพชร 5.5 พระเครื่อง พระผลสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี 6. เกล็ดรอบหลังพญาเต่างอย มีทั้งหมด 8 เกล็ด ทำเป็นรูปปูนปั้นนูนต่ำ พระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน วันพุธจะมีสององค์คือพุธกลางวันกับพุธกลางคืน 7. ท้องพญาเต่างอย บรรจุวัตถุมงคลจากพระเจดีย์ 3 องค์ รอบ ๆ อำเภอเต่างอย คือ พระธาตุพนม จ.นครพนม, มหาเจดีย์หลวงปู่สี จ.ร้อยเอ็ด, และพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร 8. ท้องพญาเต่างอย บรรจุวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ผู้มีเมตตาคุณด้านเมตตามหานิยม ค้าขายดี และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย ประกอบด้วย 8.1 หลวงปู่บุญอุ้ม อาภัสสโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม 8.2 จากวัดป่าบ้านยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ 8.3 หลวงพ่อประกรณ์ กันตวีโร วัดถ้ำผาแด่น อ.เมือง จ.สกลนคร 9. ท้องพญาเต่างอย บรรจุยันต์เกราะเพชรและพระคาถาเงินล้าน ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา และหลวงปู่ฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) จากวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ตอนเริ่มลงมือก่อสร้าง ได้ทำโครงเหล็ก โดยจัดทำที่ศูนย์ศิลปาชีพกุดนาขาม อ.เจริญศิลป์ เมื่อเสร็จแล้วจึงได้เคลื่อนย้ายมาสู่อำเภอเต่างอย ด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ เริ่มการก่อสร้างงานปูนโดยช่างที่มาจากศูนย์ศิลปาชีพกุดนาขาม และมีพี่น้องชาวเต่างอยมาช่วยงานแบบจิตอาสาจนแล้วเสร็จ (เครดิตภาพ : ภาพจากผู้เขียน)