การเดินส่องแผนกเบเกอรีของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ต่าง ๆ คืองานอดิเรกของดิฉันค่ะคุณ ยิ่งช่วงโควิด 19 ยิ่งกลายเป็นงานประจำไปแล้วเรียบร้อย ตัวเองวัน ๆ ก็เอาแต่คิดว่าจะกินอะไรดี? สำหรับบางคนก็สายออกกำลังกายไป แต่สำหรับดิฉันนั้นยังคงยืนหยัดในสาย 'กิน' ค่ะคุณ จุดเริ่มต้นของที่มาในการรีวิวขนมตัวนี้เกิดมาจากการไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวแผนกเบเกอรีของแม็คโคร สาขาศรีสะเกษ ระหว่างที่กำลังสำรวจด้วยการกวาดตามองเร็วแบบสะกดจิตตัวเองไปในเวลาเดียวกันว่า... ไม่ ไม่นะ! เธอจะหยิบ 'เบคอนชีสทวิส' กับ 'มินิครัวซองต์เนยสด' ไม่ได้! จังหวะนั้นนั่นแหละค่ะคุณ สายตากวาดไปเจอโมจิบันเข้า ในใจตอนนั้นคือ... วั้ย ตั่ย ล้าว! เบื้องบนส่งสารมาบอกให้ชั้นลองสิ่งนี้สินะ... นั่นเองคือเหตุผลที่ดิฉันหยิบโมจิบันแพ็คนี้มากอดไว้ในอ้อมอก แต่ก็กอดไว้ได้ไม่นานนักหรอกค่ะคุณ ลืมไปว่าต้องซื้อของอีกหลายอย่างจึงต้องวางใส่รถเข็นไป เรามาย้อนเรื่องราวของขนมในตระกูล 'โมจิ' กันคร่าว ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ อย่างที่รู้ ๆ กันคือมันเป็นขนมจากญี่ปุ่นใช่มั้ยคะ เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวที่ผ่านการตำจนเนื้อเนียน และในประเทศญี่ปุ่นเองมันก็จะมีโมจิอีกหลายชนิดมาก มีการใช้วัตถุดิบอื่นมาเสริมบ้างอะไรบ้างตามฤดูกาลและเทศกาล ซึ่งส่วนใหญ่เลยจะมีเอกลักษณ์เป็นขนมเนื้อนุ่มหนึบแบบนวดแป้งกับน้ำ(ไม่ใช่ขนมโมจิอบไส้ถั่วแบบไทยนะคะ มันคนละชนิดกัน) ทีนี้ขอกล่าวถึงเจ้าโมจิบันที่ดิฉันนำมารีวิวบ้าง เป็นโมจิที่ไม่ได้ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวนวด กระบวนการทำจะเหมือนกับการทำ 'Choux' หรือ 'แป้งชูครีม' ที่เปลี่ยนจากแป้งอเนกประสงค์มาเป็นแป้งมันสำปะหลัง วิธีการทำเริ่มจากการใส่เนยลงไปในหม้อ คนจนเนยละลาย ใส่แป้งลงไปผัดกับเนยจนสุก ปิดแก๊ส ยกออกจากเตา แล้วค่อยตอกไข่ใส่ลงไปตีกับส่วนผสมตอนร้อน ๆ ให้เข้ากันทีละฟอง จากนั้นตักใส่ถุงบีบ บีบบนถาดเป็นทรงกลม แล้วนำเข้าเตาอบ ตามกันทันมั้ยคะคุณ? โมจิ = แป้งข้าวเหนียว Choux = แป้งอเนกประสงค์ โมจิบัน = แป้งมันสำปะหลัง ในส่วนของหน้าตานั้นคล้ายกับเซซามีโมจิบัน ซึ่งเป็นตัวซิกเนเจอร์ของร้าน Bellinee’s Bake & Brew เลยค่ะ แต่เนื้อด้านในไม่เหมือนกัน ดูได้จากรีวิวของคุณ NOKKAEW ดิฉันเองไม่เคยทานโมจิบันของ Bellinee’s Bake & Brew นะคะ แต่วัดจากประสบการณ์การทำขนมมาหลายปีก็พอจะเดารสชาติและรสสัมผัสได้จากตาเนื้อที่เห็น ด้านก้นของตัวขนมจะเป็นเหมือนภาพด้านบนค่ะ ยุบ ๆ หน่อย เป็นปกติ ทีนี้เมื่อลองหยิบมาชิมแล้ว... หนุบแบบแข็ง ๆ ค่ะ ยังไม่ให้ความรู้สึกว่า 'โมจิ' แต่กรุบกรับงาดำมาก มีรสหวานน้อย ๆ เหมาะทานคู่กับกาแฟ มาถึงตอนนี้ดิฉันก็เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของการนำเสนอโมจิบันของแมคโครแล้วค่ะ เค้าต้องการโชว์ความหนึบ แต่ปัญหาคือเมื่อมันเย็นตัวลงแทนที่จะหนึบหนับกลับกลายเป็นว่าออกแข็งและกระด้างนิด ๆ แต่อย่าคิดมากไป ดิฉันมีวิธีกินมันให้อร่อยหนึบหนับค่ะคุณ วิธีนี้ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่นำเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที ก็จะได้โมจิบันร้อน ๆ จนต้องใช้สองมือสลับกันจับ พอกัดลงไปแล้วต้องอื้อหือ แป้งหนุบหนับมาก แป้งด้านในจะมีเนื้อสีออกใส กัดไปแล้วแป้งไม่คืนตัวเหมือนตอนที่มันเย็น มันจะยุบตามรอยกัดไปเลยค่ะคุณ เด้ง ๆ เหมือนโมจิ รสชาติดีงามต่างจากตอนกินในอุณภูมิปกติโดยสิ้นเชิง แถมงาดำก็ใส่มาในสัดส่วนพอดิบพอดี แต่หากใครอยากลองทานแบบผิวกรอบด้วย ก็นำไปอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที ตัวบันจะร้อนแบบผิวนอกกรอบ กัดลงไปจะได้รสสัมผัสที่กรอบนอก หนึบใน เอาใจไปเลยค่ะคุณ การขึ้นรูปของโมจิบันจากแม็คโคร สาขาศรีสะเกษ จะไม่เก็บยอดโดให้กลมมน ซึ่งการเก็บปลายให้มนนั้นไม่ยากค่ะคุณ เอาแปรงแตะน้ำทาบาง ๆ ที่ยอดแล้วเกลี่ยให้เนียนก็เสร็จแล้ว ดิฉันขอสรุปสำหรับการรีวิวขนมตัวนี้นะคะ หากอยากทานให้อร่อยต้องอุ่นให้ร้อนจัดเท่านั้นค่ะ เนื้อแป้งด้านในจะใสหนึบเลย ทานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แถมไม่รู้สึกสากคออีกด้วย อารมณ์เหมือนกัด พอน เดอ ริง เลยค่ะ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำอาหารที่ซื้อมาให้มันทานอร่อยขึ้นค่ะคุณ ของบางอย่างจะอร่อยตอนร้อน ๆ บางอย่างจะอร่อยตอนอุณหภูมิปกติ บางอย่างจะอร่อยตอนเย็น ๆ เท่านั้น อันนี้เราต้องคอยสังเกตและทดลองด้วยตัวเอง ซึ่งสำหรับโมจิบันตัวนี้ดิฉันขอแนะนำว่ามันอร่อยมาก ๆ เมื่อนำมาอุ่นร้อนค่ะคุณ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่คุณผู้อ่านนะคะ ไว้เจอกันบทความหน้า รักค่ะคุณ บาย เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน)