ภายใต้กองหนังสือเก่าในบ้าน ผมพยายามรื้อเพื่อจะหาหนังสือมารีวิว ด้านล่างสุดมีหนังสือเล่มบางวางเป็นฐานรองหนังสือปกหนาๆ ที่สูงกว่า 30 ซม. ผมหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นสภาพปกเก่ามาก เป็นหนังสือที่ชื่อว่า "พระพุทธเจ้าชนะมาร" เป็นหนังสือสวดมนต์ที่มี 4 สีประกอบด้วยภาพการ์ตูน ดีกรีรางวัล "หนังสือสังคมดีเด่นสำหรับเยาวชน ประเภทการ์ตูน ปี 2543" ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆผมขลุกอยู่กับหนังสือเล่มนี้และพยายามท่อง จำ บทสวด ได้มากมาย ทั้งๆที่เป็นแค่หนังสือสวดมนต์มีภาพ วันนี้ผมจะพาไปดูความน่าสนใจ และจุดสังเกตว่าทำไม เด็กๆควรอ่านหนังสือเล่มนี้รูปร่างหน้าตาหนังสือของผมเมื่อดูจากสภาพหน้าปกคงจะบอกอายุได้เป็นอย่างดี ว่าผ่านเวลามายาวนานแค่ไหน ถึงสภาพภายนอกจะเก่า แต่ภายในยังสมบูรณ์ดี หนังสือเป็น 4 สีทั้งเล่ม ในทุกๆหน้าที่เปิดไปเราจะเจอเด็กน้อยหัวจุก ซึ่งในปัจจุบันหาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นทางสื่อ หรือในโลกปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ไม่มีเด็กหัวจุกแล้ว หลานผมเมื่อได้อ่าน ก็ได้ถามถึงความเป็นมาเป็นไปของหัวจุก ผมจึงได้ให้ความรู้เพิ่มเติมไปอีก ทุกหน้าจะมีบทสวด พร้อมคำแปล และรูปภาพประกอบในบทนั้นๆ ซึ่งทำให้เด็กๆที่ได้อ่านไม่เบื่อ ความน่าสนใจคือรูปภาพประกอบกับคำแปล ที่มีความสอดคล้องกัน บางบทที่เราสวด เรายังไม่รู้เลยว่าความหมายจริงๆ ว่ามันคืออะไร เมื่อเด็กๆได้อ่าน จะทำให้เด็กๆได้คิดตาม เพราะมีรูปภาพประกอบ และเกิดความสนุกเมื่อสามารถท่องบทสวดได้ จะอยากท่องบทต่อไป เพราะอยากรู้เรื่องราวของบทสวดแต่ละบทสาระสำคัญแน่นอนครับว่าหนังสือเล่มนี้คือหนังสือสวดมนต์ สาระสำคัญที่เราสามารถบอกได้โดยไม่ต้องอ่านคือการท่องบทสวดภาษาบาลี เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าไหมครับ ถ้าการท่อง ไม่ได้แค่เป็นการท่องจำ หรือท่องเพราะถูกบังคับ หนังสือเล่มนี้ตอบทุกโจทย์ที่กล่าวมาเพราะในแต่ละบทสวด นอกจากคำแปล ยังมีเรื่องราวประจำบทสวดที่จะบอกเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีคติสอนใจ ทำให้การอ่านหนังสือสวดมนต์ไม่ได้มีแค่การท่องจำ แต่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่มา เรียนรู้ประวัติ และเรียนรู้เหตุผลที่ต้องท่อง ตัวอย่างบทสวดพาหุงที่มีความยาว หลายคนสวดแบบไม่รู้ว่าในบทสวดมีความหมายว่าอย่างไร ที่มาอย่างไร บทพาหุงจะบอกถึงเรื่องราวต่างๆของพระพุทธเจ้าที่ได้เจอผ่านบทสวดทั้ง 8 บท ทำให้เด็กที่อ่านเกิดความสนใจจากเรื่องราวที่ได้อ่าน และติดตามอ่านต่อ ท่องต่อ จนจบเล่ม ที่สำคัญเด็กจะศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้นความประทับใจสิ่งที่ชอบที่สุดนอกจากภาพ 4 สีที่มีความสวยงาม คงต้องยกให้กับตอนท้ายของหนังสือ ที่มีเทคนิคการนั่งสมาธิแบบง่ายๆ การกำหนดจิตในตอนนั้นผมทำตามอย่างตั้งใจ ด้วยความที่อ่านและท่องบทสวดมาจนจบเกือบทุกบท จึงทำให้เกิดความศรัทธา และสิ่งที่ตามมาคือผมนิ่ง สงบขึ้น อีกสิ่งที่ชอบคือ ในบทสุดท้ายจะมีการพูดถึงศีล 5 ว่าทำผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นทำให้เราที่เป็นเด็กได้ตระหนักและเกรงกลัวต่อบาปก่อนลา ไปอ่านผมไม่เคยเชื่อว่าเด็กจะไม่สามารถอ่านและท่องบทสวดมนต์ได้ เพราะผมเคยทำมาก่อน อยากฝากถึงผู้ปกครองทุกท่าน ในปัจจุบันเทคโนโลยีมันมารวดเร็ว เข้าถึงเด็กได้อย่างรวดเร็ว จนเด็กไม่สามารถทำอะไรช้าๆได้ เมื่อไม่เร็วดั่งใจเด็กก็จะงอแง ทำให้ผู้ปกครองเองต้องลำบากใจ สุดท้ายคงหนีไม่พ้นการตี หรือสั่งสอน เพื่อให้เด็กได้หลาบจำ และไม่คิดจะทำอีก มันก็ทำได้ครับ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเริ่มปลูกฝังความคิดที่ถูกต้อง ปลูกฝังความรู้ ให้เค้าได้ลองเดินช้าดูบ้าง ได้พินิจพิจารณา ได้ลองตั้งใจทำอะไรสักอย่างดูบ้าง เค้าจะได้รู้ว่า ชีวิตมันไม่มีอะไรที่จะสมหวังตลอด เช่นเดียวกับการท่องจำบทสวดมนต์ มันน่าเบื่อ แต่ถ้าได้รู้เรื่องราว ที่สุดแสนจะเกินจินตนาการของพุทธประวัติ ผมว่าเด็กๆคงเทใจมาอ่านบทสวดมนต์ไม่น้อย เพราะ"จินตนาการของเด็ก ไปไกลกว่าภาพในจอ นะครับ"