การเดินทางให้อะไรกับผมและแฟน ผมและแฟนไม่สนใจเรื่องท่องเที่ยวนักหรอก ผมชอบสัมผัสรสชาติการเดินทางมากกว่า หลายคนถาม..ท่องเที่ยวกับเดินทางต่างกันอย่างไร สำหรับผมกับแฟน ท่องเที่ยว = ไปสนุก ไปพักผ่อนสำหรับผมกับแฟน เดินทาง = ไปเห็นสิ่งอื่นๆ ไปเรียนรู้ อยากทำอะไรก็ (กล้า) ทำ บางทีก็ขุดเอาความบ้าบอในตัวออกมาและเกรียนได้โล่ แค่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแค่นี้เป็นพอแล้ว และการได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ นี่โคตรท้าทายเลย เอาง่าย ๆ แค่ลองเปลี่ยนจากขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่บ้านมาขี่ที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศดู แล้วจะรู้สึกได้เลยว่า Feeling มันต่างกันความสุข จากการท่องเที่ยวคือการได้ไปในที่ๆ ไม่มีใครรู้จักเรา ต่างบ้าน ต่างเมืองต่างภาษาและวัฒนธรรม ผมกับแฟนไม่ได้ต้องการเที่ยวแบบเอ๊กซ์ตรีมอะไรทำนองนั้นเลยแต่ผมกับแฟนเลือกที่จะออกเดินเพื่อไปจัดระเบียบหัวสมองตัวเองเฉยๆ ทำความเข้าใจกับความคิดของตัวเองในตอนนั้นไม่ได้จะไปค้นหาตัวตนจิตวิญญาณอะไรเลย แค่นี้ผมกับแฟนก็มีความสุขแล้วครับได้เปิดโลกทัศน์กว้างๆในดินแดนอีกซีกหรืออีกฝากโลกครับการเดินทางของชีวิตแตกต่างกันไปเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้้แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ การเดินทางของชีวิตทำให้เราได้รู้จักข้อผิดพลาดในอดีตเพื่อให้เราได้เก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้เป็นบทเรียนไว้สำหรับการเดินทางครั้งต่อไปแม้ว่าอะไรที่เป็นอดีตอาจจะไม่สวยงามเสมอการเดินทางของชีวิตแต่ละรูปแบบแตกต่างกันไปตามภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ ทุกข่าวสารที่เข้ามา จากประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้กลายกลับเป็นสิ่งที่เราต้องเฝ้าดูและศึกษา ประเทศที่เราอยู่ก็เช่นกัน อะไรคือความต่าง ไม่ว่าจะเป็น อุทกภัย วาตภัย หรือ แผ่นดินไหว เราพบแล้ว มีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าธรรมชาติอีกเล่า ความหนาวเย็นในปลายเดือนมีนาคม อะไรอีกเรายังต้องการ หากมองให้เห็นจริง เราคงต้องยอมรับว่า เราต้องอยู่ให้ได้กับชีวิตใหม่ที่ไม่เคยพบ เราต้องอยู่ให้ได้และหาเหตุผลกับความพอประมาณใหม่ และเราจะหาภูมิคุ้มกันที่ดีให้ชีวิตใหม่ได้อย่างไรการเดินทางของชีวิตมิใช่มีเพียงต้องเดินหน้าเสมอไป บางครั้งเราก็อาจต้องถอยหลังบ้างเพื่อจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้ยาวไกลขึ้น เป็นการถอยเพื่อจะก้าวต่อ มิใช่ถอยเพื่อจะท้อหรือทอดวาง เพราะบางครั้งการขืนดึงดันที่จะก้าวต่อทั้งที่รู้ว่าอาจเกิดอันตราย จะมีประโยชน์อันใดการจะก้าวข้ามฝั่ง “สายน้ำชีวิต” ยามที่ไม่มีสะพานให้ก้าวข้าม บางครั้งเราอาจต้องยอมเดินย้อนถอยกลับไปเพื่อหาวิธีข้ามสู่อีกฟากฝั่งโดยใช้ “สะพานใจ”เช่นเดียวกับยามที่เจอะเจอปัญหา ลองถอยห่างออกแล้วมองเข้าไปว่าเราจะหาทางออกต่อได้อย่างไร เพราะถ้าเราจมอยู่กับปัญหา หนทางก็อาจจะยิ่งมืดมนการถอยหรือหลบเลี่ยง มิใช่ว่าเป็นการแพ้หรือล้มเหลว แต่คือท่วงทำนองของการดำเนินชีวิต ถ้าบางครั้งจำเป็นต้องหยุดนิ่งบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องต้องทุกข์ร้อนหรือผิดอันใดหยุดนิ่งเพื่อไตร่ตรองและก้าวต่อคงดีกว่าขืนดึงดันจนเหยียบ “กับดักของชีวิต”ที่บางครั้งอาจทำให้เราเดินต่อได้ยากยิ่งกว่าก้าวที่เดินไป จุดที่ยืนอยู่ไม่สำคัญว่าจะยิ่งใหญ่มากหรือน้อยกว่าใครๆ อื่น เพราะองค์ประกอบ ปัจจัย และโอกาสของแต่ละคนย่อมมีแตกต่างกันไป เพียงเราตระหนักในคุณค่าของตัวเองในสิ่งที่เราทำ ในก้าวที่เราก้าวและรู้ว่าทุกหน้าที่การงานทุกภาระความรับผิดชอบ ล้วนมีคุณค่าในตัวเองนอกจากความสนุกตื่นเต้น ความท้าทายแล้ว คำว่าการเดินทางสำหรับผม มันไม่ใช่เพียงแค่นั้น มันคือการศึกษาในหลักสูตรที่เราคิดขึ้นมาเอง ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ก็เพราะเวลาผมอยากรู้อะไร ผมจะหาคำตอบแล้วถ้าการอ่านหนังสือหรือค้นหาข้อมูลตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของผมไม่ได้ ผมจะหยิบสมุดบันทึก สะพายกล้อง จัดกระเป๋า แล้วผมก็จะออกเดินทาง ผมเดินทางไปมาหลายประเทศ บางประเทศเจริญกว่า ร่ำรวยกว่า มีชีิวิตที่ดีกว่า เราสามารถศึกษาได้ว่า ทำไมล่ะประเทศเหล่านั้นถึงสามารถสร้างความเจริญได้มากมายขนาดนั้น ทำไมพวกเขาถึงมีความร่ำรวยได้มากมาย พวกเขามีของดีอะไรแต่ในทางตรงกันข้าม หากเราเดินทางไปยังประเทศที่ยากจน มีสงคราม ชีวิตความเป็นอยู่ยากไร้ สิ่งที่เราจะศึกษาได้ก็คือพวกเขามีชีวิตอยู่ในที่แบบนั้นได้อย่างไร จะหาความสุขภายใต้สภาวะแบบนั้นได้ไหม แล้วสาเหตุอะไรทำให้ประเทศของพวกเขาเป็นแบบนั้น