ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง มักจะมีคำพูดกระทบกระเทียบเปรียบเปรย ประชดประชันถึงความยากจนแร้นแค้น ว่าแทบจะกินเกลือกันอยู่แล้ว สมัยนี้ 'เกลือ' (Salt) จึงไม่เพียงแต่ใช้เป็นเครื่องปรุงรสในครัวเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกฐานะ สะท้อนวิถีชีวิตของชนชั้นล่าง คำพูดในทำนองว่า ยอมกัดก้อนเกลือกิน กินข้าวกับเกลือ เพราะเกลือมีราคาถูก คนยากคนจนสามารถรับประทานเกลือเพื่อประทังชีวิต นั่นคือภาพจำที่ฝังหัวเราอยู่ในทุกวันนี้ แต่ย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อน เกลือไม่ใช่สัญลักษณ์ของความยากจน ในทางตรงกันข้าม เกลือกลับเป็นเครื่องบ่งบอกความรุ่งเรืองของชุมชนในประเทศไทยมาก่อนสมัยนี้การทำนาเกลือเป็นอาชีพที่พบเห็นกันไม่บ่อยนัก ด้วยเพราะเป็นอาชีพที่ทำเป็นครั้งคราวในช่วงฤดูแล้งเพียงสามสี่เดือนเท่านั้น พูดง่าย ๆ คือสมัยนี้ทำกันเป็นอาชีพเสริมเมื่อไม่สามารถทำนาข้าวได้เพราะฝนไม่พอ แต่สมัยก่อนการทำนาเกลือถือเป็นอาชีพหลักของคนในชุมชน ชุมชนไหนอยู่ใกล้ทะเลก็ทำนาเกลือสมุทร ส่วนชุมชนที่อยู่ไกลออกไปก็ทำนาเกลือสินเธาว์ และคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยทำนาเกลือเพื่อเลี้ยงชีพด้วยกันทั้งนั้น ทั้งลาว เวียดนาม รวมทั้งบริเวณภาคอีสานบ้านเรา ที่ทำนาเกลือกันอย่างคึกคัก มีตลาดการค้าเกลือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เรียกว่าชุมชนใดที่มีเกลือถือเป็นชุมชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากทีเดียวในยุคนั้นจากความรู้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผู้เขียนพอจะจำได้ว่า แหล่งเกลือสินเธาว์ที่เก่าแก่ในบ้านเราจะอยู่ทางภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งปัจจุบันเป็นทะเลสาบที่ปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นบ่อเกลือที่อุดมสมบูรณ์ มีผู้คนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินมาบ้างว่า มีการขุดพบพวกภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ของคนยุคดึกดำบรรพ์บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งทำให้เราเห็นว่าผู้คนที่อยู่อาศัยบริเวณนั้นคือคนมีฐานะ มีความก้าวหน้ามากกว่าชุมชนอื่น ๆ และภาชนะพวกนี้ไม่ได้ใช้เพื่อการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ต้มเกลือและบรรจุเกลือเพื่อเก็บรักษาไว้แลกเปลี่ยนค้าขาย หรือถนอมอาหารบางประเภทที่ต้องใช้เกลืออีกด้วยหลายคนอาจจะสงสัยว่า สมัยนั้นผู้คนต้องการเกลือจำนวนมากไปเพื่ออะไร เพราะแต่ละมื้อคงไม่ได้ใช้เกลือในการปรุงอาหารปริมาณมากขนาดนั้น การทำนาเกลือเพียงครั้งเดียวน่าจะเก็บไว้ได้ตลอดทั้งปี ต้องบอกว่าเกลือเป็นมากกว่าวัตถุดิบที่ใช้ในครัวเรือน แต่ยังเป็นสินค้าสำคัญที่คนไทยค้าขายกับต่างชาติ จากบันทึกหลายเล่มระบุว่าคนไทยค้าเกลือกับชาวเขมรต่ำ เพราะภูมิประเทศบริเวณเขมรต่ำจะเป็นแอ่ง มีห้วยหนองคลองบึง ชาวเขมรต่ำก็จะสามารถจับปลามาเป็นอาหารได้ และเชื่อว่าน่าจะซื้อเกลือจากชาวไทยอีสานในยุคนั้น ไปหมักดองปลา ทำปลาเค็ม ปลาร้า ปลาส้ม ปลาแดก ซึ่งเป็นการถนอมอาหารเก็บไว้รับประทานในช่วงหน้าแล้งที่ไม่สามารถจับปลาได้นอกจากจะเป็นสินค้าสำคัญแล้ว เกลือยังบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเทคโนโลยีในชุมชนสมัยก่อนได้อีกด้วย ส่วนใหญ่เวลานักโบราณคดีขุดพบบ่อเกลือดึกดำบรรพ์ ก็มักจะพบเครื่องมือถลุงเหล็กอยู่ใกล้เคียงกันเสมอ อย่างทุ่งกุลาร้องไห้ที่ได้เล่าไปในตอนต้น ก็มีการพบร่องรอยของการถลุงเหล็กร่วมด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่ามีการนำเกลือไปใช้ถลุงเหล็ก แต่สันนิษฐานว่าเกลือกับเหล็กน่าจะเป็นสินค้าที่สำคัญที่สุดของแต่ละชุมชน ถ้าเปรียบเทียบสมัยนี้คงเป็นสินค้าโอทอปของหมู่บ้านนั่นเอง นอกจากทุ่งกุลาร้องไห้แล้ว บริเวณภาคอีสานบ้านเรายังพบบ่อเกลือดึกดำบรรพ์อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น และหลายอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา เรียกได้ว่าอีสานบ้านเฮาก็รุ่งเรืองอยู่พอสมควรในยุคนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเกลือนั้นมีคุณค่าต่อชุมชนเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลงค่านิยมให้เป็นสัญลักษณ์ของคนยากไร้แบบทุกวันนี้รูปภาพหน้าปก โดย Andreas160578 : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 1 โดย Quangpraha : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 2 โดย Rkit : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 3 โดย Hoan Vo : Unsplash