“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” เดินทางอีกแล้วครับทริปนี้เดินทางไปศึกษาเรื่องของช้างที่จังหวัดสุรินทร์โดยเฉพาะกันเลยครับ ตามสไตล์หนุ่ม-สุทน วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 ที่บ้านตากลางหรือเรียกอย่างเป็นทางการคือ "ศูนย์คชศึกษา-บ้านตากลาง" ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ น่าท่องเที่ยวครับศึกษาเรื่องราวของช้างในหมู่บ้านตากลางสันนิษฐานว่าคงจะมีช้างในพื้นที่ซึ่งเป็นบ้านช้างประมาณ 500-600 เชือกได้ครับ ผมขอเขียนเล่าเรื่องให้ท่านผู้อ่านทุกท่านอ่านเป็นข้อ ๆ เพื่อความเข้าใจง่าย ๆ สำหรับเรื่องราวของช้างครับ โดยขอเริ่มต้น"ศูนย์คชศึกษา-บ้านตากลาง" ศูนย์อนุรักษ์ช้าง จ.สุรินทร์เรื่องที่ 1 ชื่อบ้านตากลางมาจากไหน!!! เป็นคำถาม? ส่วนคำตอบขอย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งอาณาจักรแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เชื่อว่ามีชาวส่วยหรือชาวกวยหรือกูย อพยพข้ามแม่น้ำโขงมาจากเมืองจำปาสักหรือ สปป.ลาว ชาวกวยหรือกูยมีความชำนาญเรื่องการคล้องช้างป่าด้วยวิชาอาคมเรียกว่าหมอช้างหรือควาญช้างพอเข้ามาตั้งบ้านเรือนบริเวณนี้ โดยสันนิษฐานกันเองว่าน่าจะมาก่อนตั้งเมืองประทายสมันหรือเมืองสุรินทร์ที่มีเจ้าเมืองคนแรกคือ "พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง" เมื่อชาวกูยหรือกวยจะออกไปคล้องช้างในป่านั้นต้องถือศีลก่อนและเมื่อออกจากบ้านเข้าป่าภรรยาก็ถือปฏิบัติดังนี้คือห้ามแต่งหน้า ตัดผม ตัดเล็บและกวาดบ้านจนกระทั่งสามีกลับมาพร้อมกับช้างป่า!!! นี่แหละเป็นความเชื่อของหมอช้างหรือควาญช้างเรื่องที่ 2 พอจับช้างป่าได้ก็ฝึกหัดให้ช้างออกศึกสงครามหรือใช้งานลากซุงและต่อมาฝึกหัดเพื่อการแสดงในสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเรื่องที่ 3 ต่อมาพอเกิดโรคระบาดคือเชื้อโรคโควิค 19 สถานที่ท่องเที่ยวปิดตัวลงหมดช้างบ้านตากลางจังหวัดสุรินทร์ก็กลับมาบ้านตนเองที่บ้านตากลางทำให้มีชัางกลับมามากมายประมาณ 500-600 เชือก มากจริง ๆ ครับเรื่องที่ 4 บ้านตากลางมีช้างเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประมาณ 500-600 เชือก หน่วยงานภาครัฐต้องเข้ามาดูแล โดยเฉพาะที่ ศูนย์คชศึกษาหรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์(อบจ.) ดำเนินการเลี้ยงช้างประมาณ 80 เชือก โดยการปลูกบ้านให้ช้างอาศัยอยู่รอบข้างศูนย์คชศึกษาและจ่ายเงินให้ควาญช้างเดือนละ 10,000 บาท แต่ต้องมีการจัดแสดงของช้างทุกวันมีวันละ 2 รอบ คือรอบ 10 โมงเช้าและรอบบ่าย 2 โมงเย็นในบริเวณลานแสดงช้าง การแสดงของช้างสนุกสนานจริง ๆ เช่น ช้างยิงลูกโปร่ง ช้างเต้นตามเสียงเพลงเป็นต้นการจัดแสดงของช้างมีทุกวันละ 2 รอบ รอบเช้า 10.00 น. และรอบบ่าย 14.00 น. ในบริเวณลานแสดงช้างนอกจากนี้ยังมี ร้านค้าของฝากหรือของที่ระลึกเกี่ยวกับช้างก็น่าสนใจเช่นกันครับ ส่วนภายในพื้นที่มี องค์พระพิฆเนศประดิษฐานอยู่ด้วย สำหรับหอชมวิวทิวทัศน์บริเวณโดยรอบสวยงามครับ มีช้างในหมู่บ้านช้างชื่อ "กะละมัง" เป็นช้างแสนรู้น่ารักมากที่ชื่อว่ากะละมังเพราะมันชอบกะละมังมาก ๆ เจ้าของช้างหรือควาญช้างเอากะละมังออกมันจะร้องเสียงดังมากทันทีครับ เข้าชมการแสดงของช้างได้ครับอันนี้คือจุดแรกในการเข้าชมที่ศูนย์คชศึกษาบ้านตากลางร้านค้าของฝากหรือของที่ระลึกเกี่ยวกับช้าง องค์พระพิฆเนศอยู่ในบริเวณเดียวกัน บูชาขอพรกันได้ครับสำหรับวิถีชีวิตของช้าง จุดที่ 2 เรียกว่า "คชอาณาจักรแผ่นดินป่าสงวน" พื้นที่ดินกว้างใหญ่สร้างบ้านให้ช้างอยู่อาศัยเช่นกันมีประมาณ 200 เชือก ผู้แลคือองค์การสวนสัตว์ภายในพื้นที่ดินปลูกอ้อย ปลูกกล้วยหลากหลายชนิดสำหรับให้ช้างกินเป็นอาหารเรียกว่าช้างมีอาหารกินได้ตลอดปีช้างจะกินอาหารวันละ 20 ชั่วโมง ฮ่า ๆ เรียวกว่ากินตลอดเวลากันเลยที่เดียวแถมกินจุกมากด้วยครับคชอาณาจักรแผ่นดินป่าสงวนสำหรับจุดที่ 3 เรียกว่า "ช้างตกงาน" มีอยู่เช่นกันจะอยู่ในป่าของ "วัดป่าอาเจียง" ทางวัดป่าอาเจียงท่านเจ้าอาวาสคือท่านพระครูสมุห์หาญ ปัญญาธโร ท่านช่วยเหลือช้างตกงานโดยผู้ใจบุญมาบริจาคเงินช่วยเหลือช้างอันนี้ก็น่าสนใจไปเที่ยวแล้วบริจาคเงินช่วยเหลือช้างกันได้ครับ ช้างตกงาน นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้นสำหรับเรื่องราวของ ช้างหมู่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งช้างกลับมาถิ่นฐานบ้านตากลางมากจริง ๆ น่าจะมากที่สุดในโลก 500-600 เชือก เรียกว่าโลกของช้างได้เลยครับ แต่อย่างไรก็ตามช้างกับควาญช้างก็อยู่คู่กันรู้ใจซึ่งกันและกันพอขับรถเข้ามาในหมู่บ้านตากลางจะเห็นช้างในบ้านช้างติด ๆ กัน เป็นสิ่งหนึ่งที่หาชมได้ยากท่านผู้อ่านทุกท่านหากมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตของช้างได้ที่ "บ้านตากลาง" ครับ สำช้างทุกวันนี้คือช้างบ้านทั้งหมดเพราะไม่มีการจับช้างป่าอีกแล้วมันผิดกฎหมายนะจ๊ะ"ศูนย์คชศึกษา-บ้านตากลาง" ช้างแสนรู้ รอผู้อ่านทุกท่านไปเยือนครับสุดท้ายขอขอบคุณ คุณอภินันท์ บัวหภักดี นักเขียนสารคดีท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วประเทศไทยในนามหัวหน้าโครงการฯ ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องของช้าง "ศูนย์คชศึกษา-บ้านตากลาง คชอาณาจักรและวัดป่าอาเจียงเรื่องช้างตกงาน" ช้างไทยควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้อยู่ตราบชั่วลูกหลานครับ "เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป...กับ...ผมหนุ่ม-สุทน” ขอบคุณและสวัสดีครับคุณอภินันท์ บัวหภักดี และ หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์คุณอภินันท์ บัวหภักดีเรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค#เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #Tourism local life ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืนอัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !