ตอนผู้เขียนเป็นเด็กมักจะได้ยินพ่อแม่พูดว่า ฝนใหม่ ฟ้าใหม่อย่าไปเล่นน้ำฝน เดี๋ยวจะไม่สบายและฟ้าจะผ่าเอา นั่นคงเป็นเพราะอิทธิพลและความรุนแรงของพายุฤดูร้อน แต่กระนั้นพายุฤดูร้อนก็มีประโยชน์เช่นกัน เพราะในช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงที่ชาวนาเริ่มมีการไถและหว่านข้าวในนา มา น้ำฝนช่วยให้เมล็ดข้าวงอก และยังช่วยบรรเทาความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้อีกด้วย ฝนที่ตกลงมาจะช่วยเติมเต็มน้ำในอ่างเก็บน้ำที่กำลังแห้งขอดของช่วงนี้ได้ค่ะ ในช่วงนี้ช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมกรรโชกแรง ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน สัตว์เลี้ยง วัว ควายที่เลี้ยงไล่ทุ่ง ถูกฟ้าผ่าตายเป็นจำนวนมาก ตามข่าวเราจะเห็นกันทุกปี วันนี้ผู้เขียนจึงอยากจะมานำเสนอความรู้เกี่ยวกับพายุฝนฟ้าคะนอง ที่ได้ร่ำเรียนมาจากวิชา ภัยพิบัติธรรมชาติ (Natural Disaster) พายุฟ้าคะนอง Thunder Storm ส่วนมากจะเกิดในบริเวณป่าฝนเขตร้อนที่มีความชื้นสูงหรืออาจเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำหรือร่องความกดอากาศต่ำ (อากาศร้อน) มาปะทะกับความกดอากาศสูง (มวลอากาศเย็น) ซึ่งจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ที่ไม่แน่นอน โดยพายุฟ้าคะนองสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทคือพายุฤดูร้อนและพายุฤดูฝน ในที่นี้เราจะพูดถึงพายุฤดูร้อนกันนะคะ พายุฤดูร้อนในประเทศไทย จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากช่วงเดือนนี้แกนโลกเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้พื้นดินได้รับแสงอาทิตย์มากขึ้น บริเวณนั้นจึงมีอุณหภูมิสูงมาก เกิดอากาศร้อนและอากาศลอยตัวสูงขึ้นทางดิ่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว อากาศจะร้อนและอบอ้าว ทําให้อากาศที่เย็นบริเวณรอบ ๆ เข้ามาแทนที่ โดยลมฝ่ายเหนืออากาศเย็นพัดมาจากจีนปะทะกัน จนเกิดการปะทะกันของอากาศอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเป็น เมฆคิวมูโลนิมบัส เกิดเป็นพายุฝนฟ้าคะนองอย่างแรงและรวดเร็ว ฝนจะตกหนักและอาจมีลูกเห็บ ลมกรรโชกแรง ซึ่ง โดยปกติพายุฤดูร้อนจะเกิดประมาณ 30-60 นาที บริเวณที่มักได้รับผลกระทบคือภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของภาคกลาง พูดง่าย ๆ คืออากาศเย็นจากประเทศจีนพัดมาเจอกับอากาศร้อนที่ประเทศไทย ทำให้เกิดการ "ปะทะกัน" ของอากาศเกิดเป็นเมฆก้อนโต ๆ(ประกอบด้วยไอน้ำมากมาย) ที่บังพระอาทิตย์ได้ เมื่อรวมตัวกันมากขึ้นจนรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหวก็เลยตกลงมาเป็นน้ำฝนค่ะ โดยก่อนที่จะมีการเกิดพายุฤดูร้อนจะสังเกตได้ว่าอากาศในของวันนั้นจะร้อนและอบอ้าวกว่าปกติและติดต่อกันหลายวัน มีเมฆมากและสังเกตง่าย ๆ จากเสียงร้องของสัตว์ เช่น กบ เขียดที่ส่งเสียงร้อง มด แมลงเม่าแตกรัง ออกมาปรากฏกายให้เห็น การรับมือการเตรียมตัวรับมือจากพายุฤดูร้อน ตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารบ้านเรือน ซ่อมแซมนำไม้มาติดทาบประตู หน้าต่าง จุดที่ไม่แข็งแรงหรือใช้เทปผ้าติดที่กระจกเพื่อช้วยสร้างความแข็งแรง และกันไม่ให้กระจกที่แตกสร้างการบาดเจ็บแก่คน ดูแลตัดต้นไม้ ต้นที่ผุ และไม่ให้มีกิ่งก้านเกี่ยวกับสายไฟ ติดตั้งสายล่อฟ้าอาคาร หอคอยสูง งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ งดทำกิจกรรมกลางแจ้งถ้าหากอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่ควรเข้าอยู่เข้าไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะต้นไม้ถือว่าเป็นจุดล่อฟ้าดี ๆ นี่เอง เมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง นั่งกอดเข่า เอามือสอดไว้ใต้ขาโน้มตัวไปด้านหน้าให้เท้าติดดินน้อยที่สุด ไม่ควรนอนราบ เพราะจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ร่างกายเรามากขึ้น หรือในรถยนต์ไม่ควรให้เท้าแตะพื้น ควรนั่งเอาขาชั้นบนเบาะและอย่าโดนตัวถังรถ ดังนั้นถ้าเรารู้จัก เข้าใจธรรมชาติ ก็จะสามารถทำให้มีการป้องกันและเตรียมตัวให้ทันท่วงที ซึ่งจะช่วยบรรเทาความร้ายแรงเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือประสบภัยพิบัติได้เป็นอย่างดีค่ะ และอย่าลืมติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ แถมจะช่วยให้เราวางแผนการเดินทาง การทำงานได้ถูกต้องด้วยนะคะ ขอบคุณและเครดิตภาพ: Thank you and credit from ภาพปกโดย Keli Black จาก Pixabay ภาพที่ 1โดย Jill Wellington จาก Pixabay ภาพที่ 2 โดย Comfreak จาก Pixabay ภาพที่ 3 โดย Tobias Hämmer จาก Pixabay ภาพที่ 4 โดย Willgard Krause จาก Pixabay ภาพที่ 5 โดย nightowl จาก Pixabay