เที่ยวเมืองริมเขื่อน วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว การเดินทางท่องเที่ยวบริเวณชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี หลายคนต้องนึกถึงช่องเม็ก เพราะเป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สามารถเดินผ่านไปเที่ยวประเทศลาวได้ แต่ก่อนจะถึงช่องเม็กนั้นยังมีสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ควรเข้าไปกราบสักการะและเที่ยวชมความงามของต้นไม้เรืองแสง นั่นคือ วัดสิรินธรวนารามภูพร้าว วัดสิรินธรวนารามเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูง เป็นวัดป่า ตั้งอยู่ที่อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ที่มาของชื่อวัดภูพร้าว คือ ภูเขาลูกนี้พิเศษแปลกไปจากภูเขาลูกอื่นๆคือ มีหินคล้ายลูกมะพร้าวเต็มไปหมด ทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใสแวววาวระยับคล้ายเพชรและพลอย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เอาไปรักษาโรค เรียกว่า มะพร้าวฤาษีทำเอาไว้ จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า ภูพร้าว ประวัติการสร้างวัด ท่านพระอาจารย์บุญมากเป็นผู้ริเริ่ม ท่านเป็นคนฝั่งลาวจำปาสักเข้ามาเผยแพร่อบรมสมาธิทางฝั่งไทย และได้ปักกลด ที่ภูพร้าวแห่งนี้ในปี 2495 ต่อมาปี 2516 หลังจากนั้นท่านพระอาจารย์บุญมากต้องกลับประเทศลาว ทิ้งให้วัดร้างหลายสิบปี จนกระทั่งปี 2542 พระครูกมล ลูกศิษย์ของท่านได้ค้นพบวัดอีกครั้งและบูรณะให้กลับมาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้ดังเดิม หลังจาก พระครูกมลละสังขารไปในปี 2549 พระครูปัญญาก็เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในปัจจุบัน เนื่องจากวัดภูพร้าวตั้งอยู่บนเขาสูง จึงถูกออกแบบให้มีความเหมาะสม คือ สร้างเป็นศาลาที่โล่ง ไม่มีผนังปิดโครงสร้างอุโบสถจำลองมาจากวัดเชียงทอง แขวงหลวงพระบาง ออกแบบโดยเจ้าอาวาสวัด ซึ่งนำศิลปะมาประยุกต์กันระหว่างล้านนากับล้านช้าง งานตกแต่งบริเวณโดยรอบ จำลองคติทางพระพุทธศาสนา โดยกำหนดให้เป็นป่าหิมพานต์ ผสมผสานกับงานปูนปั้นสดกับงานไม้แกะสลัก โดยใช้สีกับงานปัดทอง งานประดับโมเสกและงานปิดทอง อย่างกลมกลืน นอกจากนี้วัดสิรินธรวนารามภูพร้าว มีบรรยากาศร่มรื่น สามารถชมวิวของเขื่อนสิรินธรได้ และเอกลักษณ์ของวัดนี้ คือ ต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้เรืองแสง ในยามกลางคืน สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ เป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ พระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของพระประธาน แต่เดิมที่คล้ายกับพระพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก แต่มีการนำเพียงส่วนรัศมีออกไป ฉากหลังเป็นต้นโพธิ์ โดยเบื้องบนติดด้วยแผ่นพระทอง โดยมีสัตว์ในป่าหิมพานต์อยู่บันไดทางขึ้นอุโบสถทั้ง 4 ทาง ได้แก่ ไกรสรปักษา นกการเวก คชปักษา และคชสีห์ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาในเวลาใกล้ค่ำ เพื่อรอชมต้นไม้เรืองแสง นอกจากนี้ภายในวัดมีการทำต้นไม้ธรรมะเมื่อเดินผ่าน จะมีป้ายธรรมะให้อ่าน และมีป้ายนิเทศเกี่ยวกับเกจิอาจารย์ชื่อดังลุ่มแม่น้ำมูลให้ศึกษาประวัติของแต่ละท่าน ความสำคัญของวัดนี้ คือเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระวัดป่า เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพุทธศาสนาและคำสอนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวอำเภอสิรินธร วัดสิรินธรวนารามภูพร้าว เป็นวัดที่มีความสำคัญของชาวอำเภอสิรินธร ในช่วงเทศกาลต่างๆ ประชาชนจะพากันเดินทางไปกราบไหว้พระประธานภายในวัดเพื่อขอพรและกราบเจดีย์ของพระอาจารย์บุญมากเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว วัดภูพร้าวเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมะและคำสอนในชีวิตซึ่งคำสอนที่ติดตามต้นไม้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง การอนุรักษ์กล้วยไม้ป่าภายในวัดอีกด้วย การเรียนรู้ศิลปะภายในวัด ทั้งศิลปะล้านนาและล้านช้าง ศิลปะที่นำมาใช้ในการสร้างอุโบสถ ซึ่งเป็นความรู้ที่สามารถเรียนรู้จากที่นี่ วัดสิรินธรวนารามภูพร้าวจึงเป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมที่เหมาะแก่การเดินทางมาท่องเที่ยว ทำบุญ และพักผ่อนในช่วงวันหยุด เส้นทางมาวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว (วัดเรืองเเสง) เดินทางมาตามถนนสถิตย์นิมานการ ตรงมาทางอำเภอสิรินธร ไปทางด่านชายเเดนช่องเม็ก ขับผ่านเขื่อนสิรินธรมาประมาณ 5 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวไปตามป้าย ขับรถขึ้นบนภูเขาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะถึงวัดเรืองเเสงที่สวยงามอยู่บนเนินเขาสูง เเนะนำช่วงเวลา 19.00 น. เป็นต้นไป เพื่อนๆจะได้ชม ต้นไม้เรืองเเสงที่เปล่งเเสงในเวลากลางคืน บางครั้งเพื่อนๆมาอาจจะได้เห็นดวงดาวที่เต็มท้องฟ้าเเละทางช้างเผือกที่สวยงาม พิกัดวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว (วัดเรืองเเสง ) ตั้งอยู่ที่ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากอำเภอเมือง 90กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง เปิดทุกวัน เวลา 06.00-20.00 น. "ทุกการเดินทางมีความหมายเสมอ" ภาพประกอบ : สดใส