ภาพปกโดยผู้เขียน“จงประกาศให้กึกก้อง” นักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจมักจะกล่าวเช่นนี้ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ!!! แล้วสิ่งที่ประกาศออกไม่นั้นเป็นอย่างไรแล้วในตอนนี้? ในที่นี้ David Niven ได้เผยเคล็ดลับที่ 18 ไว้ในหนังสือ 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ ว่า แรงจูงใจในตนเองมีผลเพียงครั้งเดียว ซึ่งอ่านเท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่ามันสวนทางกันพอสมควร“จงประกาศให้กึกก้อง!!! คุณต้องการสิ่งใดก็จงประกาศสิ่งที่คุณพึงจะได้ออกไป!!! คุณอยากจะมีรูปร่างที่ดีขึ้นใช่ไหม ก็จงประกาศออกไปว่าคุณจะมีรูปร่างที่สวยงาม!!! อยากมีงานที่ดีทำใช่หรือไม่ ก็จงประกาศออกไปว่าคุณจะต้องทำให้ได้!!!” ถ้าหากเราสังเกตสักนิดจะพบว่า เราจะได้รับการปลอบโยน ได้รับพลังงานและความกระตือรือร้นจากปฏิญญาเหล่านี้ อีกทั้งอารมณ์ ภาพลักษณ์ของตนเอง และความเคารพในตนเองของเราก็จะปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วยอย่างไรก็ตาม David Niven กลับตั้งข้อสังเกตว่า “ช่างน่าเสียดายที่ผลดีที่เกิดขึ้นมานั้น ส่งผลเพียงชั่วคราว และจะมีประสิทธิภาพลดลงเรื่อย ๆ กล่าวคือ เมื่อเราประกาศความตั้งใจของเราออกไป แต่ผลกลับไม่เป็นไปอย่างที่เราตั้งความหวังเอาไว้ เราก็มักจะรู้สึกแย่และเมื่อเราประกาศความตั้งใจของเราในครั้งต่อไป มันมักจะกลับกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จ เนื่องจากความล้มเหลวในครั้งก่อนจะหวนกลับมาให้ระลึกถึงอยู่เสมอ” ดังนั้น ความสำเร็จจึงมิได้เกิดจากแรงจูงใจในตนเอง หรือปฏิญญาในผลลัพธ์ที่เราปรารถนา แต่ความสำเร็จนั้นเกิดจากความพยายามอันมีพื้นฐานมาจากความรอบรู้ และความพยายามที่แน่วแน่ในความก้าวหน้าต่างหากขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนเมื่อครั้งที่ David Shinar (เดวิด ไซนาร์) ถูกรถชน ในขณะนั้นเขามีอายุ 15 ปี หมอบอกเขาว่า เขาอาจจะต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไป เมื่อได้ฟังดังนั้น เขาก็คิดขึ้นมาในทันทีว่าชีวิตของเขาคงจะพังพินาศเสียแล้วเมื่อ David มองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เขากลับพบว่า ความเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นนั้นได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว David ไม่ได้เอาใจใส่บุคคลหรือสิ่งของรอบตัวเท่าไรนัก อีกทั้งเขายังไม่มีแรงจูงใจในการเรียนอีกด้วยอุบัติเหตุดังกล่าวได้พรากเอาความแข็งแรงทางกายภาพของเขาไป และทำให้เขากลับมาค้นหาความหวังภายในจิตใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง โดยเขากล่าวว่า “หลังจากที่ผมมีโอกาสได้มีชีวิตอยู่เป็นครั้งที่สอง ผมก็เป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น แต่การที่จะก้าวออกมาจากจุด ๆ นั้นได้ ผมจะต้องมีความมั่นใจในตนเอง อีกทั้งผมยังต้องเห็นคุณค่าในตัวของผมเองอีกด้วย”การฟื้นฟูตนเองของ David นั้น ทำให้เขามีโอกาสได้เรียนคาราเต้และทำให้ขาของเขากลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ผันตัวเองมาเป็นนักกีฬาและเป็นคนที่เอาจริงเอาจัง และมีแรงขับเคลื่อนในตนเอง “การอุทิศตนและความรับผิดชอบนั้น จะต้องเกิดจากภายในของคุณ และเมื่อคุณมีสิ่งเหล่านี้แล้ว คุณก็จะสามารถไปที่ไหนก็ได้” ในปัจจุบัน David สามารถจัดสรรเวลางานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม เขาเป็นทั้งพนักงานขายที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรีคันทรีมือใหม่ เป็นนักคาราเต้สายดำ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาอาสาสมัครให้กับวัยรุ่นอีกด้วยขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียน“ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ความคิดและการปฏิบัติตนในเชิงบวกนั้น จะทำให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความสุขและเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จ และผมก็รักที่จะแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้กับคนอื่น ๆ เช่นกัน”อันนี้ต้องโน้ต87 เปอร์เซ็นต์ของมนุษย์คิดว่าปฏิญญาในการเปลี่ยนแปลงตนเองนั้น จะนําไปสู่การปรับปรุงภาพลักษณ์ของตนเองในระยะสั้น หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ความผิดหวังจะทำให้ภาพลักษณ์ของเรานั้น แย่เสียยิ่งกว่าก่อนที่เราจะตั้งปฏิญญาเอาไว้เสียอีกคุยกันหลังอ่านเสร็จอ่านจบแล้วรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ยังไงไหมครับ? แต่จะว่าไป ถ้าไม่ให้ประกาศแล้ว เราควรจะทำอย่างไรหล่ะ? สำหรับผมแล้วเห็นว่า การย้ำความคิดที่ต้องการประสบความสำเร็จเหล่านั้นกับตัวเองทุกวัน ย้ำนะครับว่าทุกวัน!!! ไม่ใช่การประกาศกึกก้องขึ้นมาในครั้งเดียว พร้อมกับการลงมือทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และกำกับด้วยความมีระเบียบวินัยจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาเราไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ แม้เราจะไม่สามารถมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่เราก็มั่นใจได้ว่าเรากำลังเดินหน้าอยู่เสมอ ซึ่งแนวทางนี้ Robin Sharma ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “ความสำเร็จเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามวินัยประจำวันเล็ก ๆ สองสามอย่างที่สะสมไปเรื่อย ๆ เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จเหนืออะไรก็ตามที่คุณเคยวาดไว้ นิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ สู่ความสำเร็จนี้ง่ายมากที่จะทำทุกวัน จนคนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะมีอะไรแตกต่าง เพราะอย่างนี้พวกเขาจึงไม่ทำ”ขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนอย่างไรก็ตาม เมื่อ Niven บอกว่าแรงจูงใจในตนเองมีผลเพียงครั้งเดียว แล้วเราจะไปหาแรงจูงใจมาจากไหน? สำหรับคำตอบของผมที่มีต่อคำถามดังกล่าว เห็นว่า ถ้าเรามีระเบียบวินัยที่มากพอ อย่าว่าแต่แรงจูงใจเลยครับ แม้ในขณะที่ป่วยอยู่ เราก็ยังจะฝืนตัวเองให้ทำในสิ่งที่เราได้กำหนดไว้ ทว่าน่าเสียดายที่พวกเราส่วนใหญ่ แม้แต่ตัวผมเองในบางครั้งก็ยังไม่มีระเบียบวินัยที่เข็มข้นพอที่จะทำอะไรปานนั้น กระนั้นก็ใช่ว่าจะเริ่มไม่ได้นิ!!!มากไปกว่านั้น อีกวิธีหนึ่งที่ผมเห็นว่าใช้ได้ผลอย่างยิ่งสำหรับตัวผม นั่นคือ การอ่านหนังสือ ทั้งนี้ Robin Sharma กล่าวว่า “คนที่เยี่ยมยอดที่สุดมักจะมีห้องสมุดใหญ่ที่สุด” ดังนั้น การอ่านหนังสือหรือการหาความรู้ตลอดเวลาแม้ในช่องทางอื่น นี่เอง “อาจจะ” เป็นทั้งแรงจูงใจและตัวสร้างระเบียบวินัยที่ดีให้แก่เราก็ได้ขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนติดตามผลงานอื่นPodcast 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ โดย David NivenMy Inspire StoryCreditชื่อหนังสือ: 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จผู้เขียน: David Nivenผู้แปล: อิศรา ราชตราชูชื่อเรื่องต้นฉบับ: 100 Simple Secrets of Successful Peopleสำนักพิมพ์ต้นฉบับ: Harper Collins