ภาพปกโดยผู้เขียนเรามีเวลามากมาย เป็นเคล็ดลับที่ 7 ของหนังสือ 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ ของ David Niven ซึ่งอ่านเท่านี้ก็รู้ว่ามันสวนกับสิ่งที่เราถูกสอนมาที่เป็นกระแสหลักว่า คนเรามีเวลาน้อย ดังนั้น เราไปลงในรายละเอียดกันเลยความฝัน-ความหวังของเราคืออะไร? ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไร เราก็จะยังได้ยินเสียงเดินของนาฬิกาอยู่เสมอ มากไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง รวมไปถึงสื่อทั้งหลาย ต่างก็ทำให้เรารู้สึกฉงนสงสัยว่าเมื่อใดเราจะเดินไปถึงฝันและเพราะเหตุใดเราจึงยังเดินไปไม่ถึงฝันเสียทีขอบคุณภาพจาก dinosoftlabs ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนDavid Niven ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “ในการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้มีเกณฑ์อายุกำหนดเอาไว้ว่าเมื่อใดจึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ และต้องใช้ระยะเวลากว่าที่จะได้ความสำเร็จนั้นมาครอบครอง และเมื่อคุณก้าวไปจนถึงจุดที่คุณตั้งความหวังแล้ว คุณก็จะไม่ปฏิเสธความสำเร็จนั้น เพียงเพราะอายุของคุณยังไม่เหมาะสม”ขอบคุณภาพจาก freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียน“มีคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในจุดสูงสุด และก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ใส่ใจ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกได้” Nathan (นาธาน) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการโฆษณาในนิวยอร์กกล่าวยอมรับกับ David Niven พร้อมยังกล่าวต่อไปว่า “ผมรู้สึกดูถูกตัวของผมเองที่ไม่สามารถไปถึงจุดที่ผมมุ่งหวังเอาไว้ได้ และผมก็รู้สึกทุกข์ทรมานอยู่ทุกวัน เสมือนหนึ่งว่ามันเป็นความอัปยศส่วนบุคคลของผม ผมไม่มีความรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่ผมได้ทำ ในความเป็นจริงแล้วเมื่อมีคนถามว่าผมประกอบอาชีพอะไร ผมก็มักที่จะสร้างเรื่องโกหกเกี่ยวกับอาชีพของผมอยู่เสมอ”Nathan ได้อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจของเขาเอาไว้ว่า “อาชีพของผมไม่มีอะไรเลยนอกจากการรับรู้สัมผัส เราไม่ได้ผลิตกับดักหนูที่มีคุณภาพดีขึ้น เราไม่ได้ทำอะไรเลย เราขายการรับรู้สัมผัสและอาชีพของเราก็คือการรับรู้สัมผัส ผมรู้สึกราวกับว่าผมได้ยินเสียงของนาฬิกาที่กําลังเดินอยู่ และผมก็กําลังเข้าใกล้ความล้มเหลวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ”ขอบคุณภาพจาก freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนอย่างไรก็ตาม Nathan ได้แสวงหาความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาเกี่ยวกับอาชีพ ซึ่งเขาได้ถาม Nathan ว่า จริง ๆ แล้ว Nathan กำลังแข่งขันอยู่กับใคร และเหตุใดจึงทำเช่นนั้น Nathan จึงเล่าให้ Niven ฟังต่อว่า “เมื่อผมกล่าวว่า ผมเดาว่าผมกําลังแข่งขันกับทุก ๆ คนในบริษัท เพราะว่าผมต้องการที่จะเป็นที่หนึ่ง ที่ปรึกษาของผมจึงกล่าวว่า ‘ถ้าหากคุณกลายเป็นที่หนึ่งของบริษัทของคุณแล้ว คุณก็จะต้องแข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ต่อไป’ อันที่จริงแล้ว เธอทำให้ผมเห็นว่าผมไม่มีทางที่จะมีชัยชนะในการแข่งขันในครั้งนี้ และผมก็สามารถเลือกได้ว่าผมจะนั่งลง และมีความสุขไปกับงานของผม หรือผมจะพยายามที่จะแข่งขันต่อเพื่อสิ่งที่ผมไม่มีวันที่จะได้มันมา” จากนั้นมุมมองของเขาก็เปลี่ยนไป “ตอนนี้ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ และผมก็รู้ว่าผมจะไปถึงจุดที่ผมต้องการในวันที่ผมเดินไปถึงจุดนั้นแล้ว"อันนี้ต้องโน้ตอายุนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพันธสัญญาที่มนุษย์มีต่องานที่ตนทำและศักยภาพในการทำงานของพวกเขาขอบคุณภาพจาก freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนมันยากอยู่พอสมควรที่จะเข้าใจสิ่งที่ Niven ต้องการสื่อสาร ซึ่งในที่นี้ผมจะขออธิบายภายใต้เส้นขอบฟ้าความเข้าใจของผมเท่านั้น โดยในประเด็นแรกเขากล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับเวลาในชีวิตเรา ด้วยการบอกว่าเรามีเวลามากมาย โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า Niven ต้องการจะบอกเราว่า การจะประสบความสำเร็จสักอย่างนั้นมิใช่เรื่องง่ายหรือทำได้เพียงในเวลาอันสั้นเลย ซึ่งคำว่า “เวลาอันสั้น” ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกันอันนี้ต้องยอมรับ สำหรับบางคน 5-10 ปี บางคน 2-3 ปี ในขณะที่บางคน 1-3 เดือน นำมาซึ่งคำถามตอไปคือ เมื่อสำเร็จแล้วเราจะทำอะไรต่อ? นั่น เห็นไหมครับว่ามันตอบยาก และประเด็นที่สอง มันมีนัยถึงการประสบความสำเร็จไม่เท่ากับระหว่างทางที่เราจะประสบความสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับบทความก่อนหน้านี่ เราจำเป็นต้องมีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังทำ ให้ความสำคัญกับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทาง ทั้งนี้ ก็เนื่องมาจากการจะบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่นั้น มันเปรียบเป็นการเดินทางไกล (เรามีเวลานาน) ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรมีความสุขกับที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน กระนั้นก็ตาม เหตุผลข้างต้นไม่ใช่สิ่งที่สนับสนุนการผลัดวันประกันพรุ่งดอกนะ แต่มันสนับสนุนให้เรามีความสุขระหว่างทางต่างหาก ทว่า ถ้าสิ่งที่เราทำอยู่ไม่ทำให้เรามีความสุขหล่ะ? ตามอ่านบทความต่อไปครับติดตามผลงานอื่นPodcast 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ โดย David NivenMy Inspire StoryCreditชื่อหนังสือ: 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จผู้เขียน: David Nivenผู้แปล: อิศรา ราชตราชูชื่อเรื่องต้นฉบับ: 100 Simple Secrets of Successful Peopleสำนักพิมพ์ต้นฉบับ: Harper Collins