เมื่อได้ยินชื่อ "บ้านนาข่า" อุดรธานี หลายคนก็ต้องคิดถึงผ้าหมี่ขิดใช่ไหมคะ?...ผ้าหมี่ขิด หัตถกรรมเลื่องชื่อของบ้านนาข่า นี่แหละค่ะ หนึ่งในซิกเนเจอร์ที่ปรากฏอยู่ในคำขวัญจังหวัดอุดรธานีที่ว่า "กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง แรงศรัทธาศรีสุทโธปทุมมาคำชะโนด"...แต่ทราบไหมคะ? ว่า...นอกจากผ้าหมี่ขิดแล้ว ก็ยังมีอะไรดี ๆ อีกมากมายอยู่ที่บ้านนาข่าแห่งนี้... ประเพณีวัฒนธรรมตามวิถีชาวบ้าน ที่เริ่มเติบโตงดงามและเป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นตำนานพญานาค ที่มาของชื่อหมู่บ้านและสถานที่ เป็นเรื่องราวกล่าวขานที่ไม่มีวันจางหายร่องรอยอารยธรรมโบราณ ที่เป็นอยู่อย่างสงบเงียบและเป็นสุขนับตั้งแต่ก่อนห้าพันปีที่แล้วมาจนบัดนี้ครั้งนี้ผู้เขียนขอพาไปท่องเที่ยวในคอนเซพท์ "ร่วมบุญเบิกฟ้า" โปรแกรมพิเศษสุดสำหรับ "สายมู" "สายบุญ" "สายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม" และ "สายเทศกาล"...มีโลเคชั่นสุดคูลสำหรับ "สายถ่ายรูป" และ "สายสร้างคอนเทนต์"...แถมยังเป็นมิตรต่อ "สายช้อป" และ "สายแฟชั่นโอทอป" ด้วยค่ะ...เราจะไปร่วมงาน "ออนซอนวิถีอีสาน สืบสานผ้าหมี่ขิดบ้านนาข่า นมัสการพระธาตุรวงข้าว เจดีย์ศรีพระแม่โพสพ ประจำปี 2566" 20 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2566 ที่ วัดนาคาเทวี บ้านนาข่า ตำบลนาข่า อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กันค่ะ"วัดนาคาเทวี" ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ หนองคาย - อุดรฯ บริเวณตลาดผ้าบ้านนาข่า...ถ้าเห็นบ้านนาข่า ซึ่งสังเกตได้จากลักษณะของตลาดผ้าขนาดใหญ่ มีป้ายประชาสัมพันธ์อยู่ทั้งสองข้างถนน ก็จะไม่พลาดที่จะเห็นวัดแน่นอนค่ะ...สังเกตง่าย ๆ คือ เป็นวัดที่มีสะพานลอยอยู่หน้าวัด และมีพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่นั่งหันหลังให้ถนนค่ะ...ถ้าเดินทางจากหนองคายจะเข้าอุดรฯ อยู่ซ้ายมือ พิกัดประมาณ 16 กม. ก่อนเข้าเมืองอุดรฯ ค่ะ...ถ้าจะใช้วิธีเดินเข้าไปในวัด ก็จอดรถบริเวณริมถนนหน้าวัดหรือหน้าตลาดผ้าได้เลยค่ะ แต่ถ้าจะจอดรถภายในวัด ก็เลี้ยวซ้ายตามถนนข้างวัด (เส้น 2255 นาข่า - สุ่มเส้า) ไปเข้าทางด้านหลังวัดค่ะเมื่อเข้าไปในวัด ก็จะเห็นพระธาตุเจดีย์รวงข้าว ตั้งอยู่ในบริเวณระหว่างโบสถ์เก่าและใหม่ อยู่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เรามองเห็นจากถนนค่ะ...งานเขาทำรังสรรค์ได้งดงามตระการตา ละเอียด และเหมือนจริงมาก ๆ ค่ะ...แต่อันดับแรก เราก็ไปเช็คอินจุดทำบุญกันก่อนเพื่อสิริมงคลนะคะ...เราก็ควรทำจิตใจให้สงบ ให้เป็นเหมือนภาชนะสะอาดรองรับบุญกุศล ตามคอนเซพท์โปรแกรมทัวร์ในครั้งนี้ ที่เราไปทำบุญและขอพรให้ฟ้าเปิดทางปังให้นะคะ...จุดอำนวยการและจุดรับทำบุญอยู่บริเวณศาลาใหญ่ด้านซ้ายมือของลานจอดรถ (แค่เดินไปตามเสียงประชาสัมพันธ์ก็ไปถูกที่แน่ ๆ ค่ะ)งานนี้มีรายการให้ทำบุญหลายรายการ ทั้งบูชาผ้าไตร บูชาธูปเทียน ตักบาตรร้อยแปด ร่วมบุญผ้าป่าลอยฟ้า บูชาพญาสัตว์ประจำทิศทั้งแปด (นำเทียนจุดบูชา "ตัวพึ่ง" ตามความเชื่อของชาวอีสาน เป็นการสะเดาะเคราะห์และขอพรเบิกฟ้าทั้งแปดทิศ) และ ไถ่ชีวิตโค ค่ะ...สำหรับผ้าไตร บูชาแล้วนำเวียนขวารอบพระธาตุรวงข้าว 3 รอบ แล้วจึงนำเข้าถวายภายในเจดีย์พระแม่โพสพ หรือนำไปถวายหน้าพระพุทธรูปภายในวิหาร "พระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี" (พระสีทององค์ใหญ่ที่มองเห็นจากถนนมิตรภาพ) ก็ได้ค่ะ...นมัสการบูชาคุณพระรัตนตรัย และอดีตเจ้าอาวาส - ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ - ผู้บุกเบิกวัด ทั้ง 3 รูป นมัสการพระธาตุรวงข้าว - เจดีย์ศรีพระแม่โพสพ แล้ว (อาจพ่วงบุญรายการอื่น ๆ ด้วย ตามความพอใจ) ก็นับว่า เราจบภารกิจ "ร่วมประเพณีบุญพระธาตุรวงข้าว" นะคะ...แต่ไฮไลท์ของโปรแกรมทัวร์ยังมีอีกค่ะวิหารพระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี เป็นเหมือน พิพิธภัณฑ์ที่แสดงร่องรอยเป็นหลักฐานว่า อารยธรรมของดินแดนแถบนี้มีมายาวนานกว่าห้าพันปี...เพราะภายใน นอกจากจะประดิษฐานพระพุทธรูปแล้ว ยังจัดแสดงโบราณวัตถุ ซึ่งมีทั้งโครงกระดูกมนุษย์โบราณและเศษภาชนะโบราณอายุมากกว่าห้าพันปี (นักโบราณคดีคาดว่าเก่าแก่กว่าอารยธรรม "บ้านเชียง") ที่ถูกขุดพบเมื่อตอนสร้างพระองค์ใหญ่นี้ในปี 2548 ค่ะ...นอกจากนี้ "สายมู" น่าจะถูกใจ เพราะมีหินเสี่ยงทาย วางไว้ตรงหน้าพระนาคปรกในวิหารด้วยค่ะ...ตรงนี้มีพลังดี ๆ จาก "ผู้ดูแล" เยอะค่ะ คอนเฟิร์มด้วยป้ายประกาศที่บอกว่า "ถ้าจะแก้บน ห้ามของคาว" (ทราบมาว่า เทพผู้ปฏิบัติธรมขั้นสูงหรือเทพพรหม ท่านไม่รับของคาวค่ะ)...จบจากตรงนี้ เราก็จบภารกิจ "ชมอารยธรรมเก่าแก่กว่าห้าพันปี" ไปอีกหนึ่งภารกิจค่ะ...แต่ไฮไลท์ของโปรแกรมทัวร์ก็ยังมีต่อค่ะออกจากวิหารพระฯ ทางซ้ายมือ จะเห็นศาลไม้หน้าพระธาตุองค์ใหญ่ นั่นแหละค่ะ อีกเป้าหมายของ "สายมู" คือ ศาลของ "นาคาเทวี"...ข้าง ๆ พระธาตุ ที่เป็นช่องแคบ ๆ หลังพระอุโบสถโบราณ มีปล่องหรือรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ที่ตำนานที่มาชื่อหมู่บ้าน ("นาข่า" เพี้ยนมาจาก "นาคา") และชื่อวัด ("นาคาเทวี" มาจากคำเรียกนางนาคีผู้ดูแลวัดร้างโบราณ มาตั้งแต่ก่อนที่จะตั้งวัดอย่างเป็นทางการในปี 2454) บอกว่า เป็นช่องทางขึ้น - ลงของพญานาค ก็คือนาคาเทวีนี่แหละค่ะ...จะเห็นว่า จุดนี้มีคนเข้าเยี่ยมเยียน เอาดอกไม้และของบูชาไปถวายไม่ขนาดสายเลยค่ะ...ภารกิจ "ตามรอยนาคาเทวีในตำนาน" ก็จบลงตรงนี้ค่ะ...แต่ไฮจ์ไลท์ของโปรแกรมทัวร์ยังไม่จบนะคะด้านหลังและข้าง ๆ ศาลนาคาเทวี คือ พระธาตุและโบสถ์ที่สร้างครอบซากโบราณเก่าแก่ที่บอกอายุไม่ได้ เมื่อตอนก่อสร้างมีการขุดค้นพบพระพุทธรูปโบราณเป็นจำนวนมากอยู่ใต้ฐานโบสถ์...จึงมีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปด้านบนโบสถ์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธรูปใต้ฐานโบสถ์ค่ะ...เราก็สามารถเดินดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณ ๆ รอบบริเวณ ทั้งโบสถ์โบราณ ซุ้มพระโบราณ และต้นไม้เก่าแก่ โดยเฉพาะยางนาสองต้นสูง ๆ ลูกดกสวยงาม อายุกว่าร้อยปี...ส่วนใครสนใจอุดหนุนหัตถกรรมชุมชน ก็สามารถไปที่ซุ้มผลิตภัณฑ์และร้านค้าที่จัดกิจกรรมพิเศษเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญประเพณีครั้งนี้ด้วยค่ะโปรแกรมนี้เรียกว่า "อะเมซิ่ง" ประทับใจผู้เขียนมาก ๆ ค่ะ...เพราะนอกจากจะได้ทำบุญเบิกฟ้าตามประเพณีชาวอีสานที่อะเมซิ่งตระการตาแล้ว ยังได้เห็นหลักฐานอันอะเมซิ่งของอารยธรรมโบราณที่สันนิษฐานว่าเก่าแก่กว่าแหล่งอารยธรรม "บ้านเชียง" และยังได้สัมผัสตำนานที่จับต้องได้ของ "นาคาเทวี" ที่เฉลยถึงที่มาของชื่อหมู่บ้านและชื่อวัดได้อย่างอะเมซิ่ง...อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือ การได้เห็นผู้คนมากมายทั้งในและนอกพื้นที่พากันไปร่วมทำบุญ ที่เป็นครอบครัวก็ไปกันทุกเจน น่ารักมาก ๆ ค่ะถ้าใครจะตามโปรแกรมไป ผู้เขียนแนะนำให้นำพวงมาลัยหรือดอกไม้สดไปด้วย เพื่อบูชาพระรัตนตรัยและผู้ดูแลสถานที่เป็นสิริมงคลนะคะ...ผู้เขียนสังเกตจากคนในพื้นที่หรือคนที่ดูเหมือนจะรู้ที่รู้ทาง เห็นว่าเขามักจะถือพวงมาลัยติดมือไป 3 พวงเป็นอย่างน้อย พวงหนึ่ง นำไปบูชาพระรัตนตรัย ที่โบสถ์โบราณ (ถ้าเป็นผู้หญิง จะแขวนไว้ที่หน้าโบสถ์) พวงหนึ่ง นำไปบูชาพระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี ที่หน้าองค์พระหรือในวิหาร และอีกพวงหนึ่ง นำไปบูชานาคาเทวี ที่ศาลหรือปล่องพญานาคค่ะ...สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ผู้อ่านทุกท่านร่วมโมทนากับ "บุญเบิกฟ้า" ครั้งนี้ด้วยกันนะคะ.มรรษยวรินทร์ภาพทั้งหมด โดย มรรษยวรินทร์พิกัด วัดนาคาเทวี นาข่า อุดรธานีเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !