กราบสวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุก ๆ ท่าน กลับมาพบกันเช่นเคยนะครับ สำหรับภารกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ หรือแม้แต่ภาคอีสาน ไม่ว่าจะเจริญรุ่งเรื่อง หรือธุระกันดารแค่ไหน ผมก็พร้อมที่จะไปเสมอ เพราะผมรักเมืองไทย รักสถานที่ท่องเที่ยวของไทย และไม่ว่าจะมีเวลาว่างมากน้อยเพียงได ผมก็จะใช้มันไปกับการท่องเที่ยวและพักผ่อนเสมอ หลาย ๆ ที่ ที่ผมไปนั้น มักจะอยู่ในตารางการเดินทางที่ผมวางแผนไว้ด้วยตัวผมเอง แต่ครั้งนี้ผมจะขอไปแบบสบาย ๆ ไม่ต้องวางแผนการเดินทาง ไม่ต้องขับรถเอง แน่นอนครับเกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ผมต้องมีคนพาไป ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่ชายของผมเอง เขาคร่ำหวอดในวงการเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าใกล้ หรือว่าไกล พี่ผมไปมาเยอะ ผ่านมาเยอะ เอาละเดี๋ยวจะเสียเวลากันไปเปล่า ๆ เราไปดูกัน ว่าพี่ผมจะพาผมไปเที่ยวที่ไหน บอกไว้ก่อน ไกลมาก ถ้าพร้อมกันแล้วไปกันเลย ผมออกจาก กรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 2 ทุ่มเห็นจะได้ โดยปกติพี่ชายของผมชอบการขับรถกลางคืน เขาว่ามันเงียบดี และไม่ต้องเจอกับแสงแดด รถก็ไม่ร้อนด้วย ขับมาจนถึงเช้าก็อยู่บนเส้นทางที่ผมไม่คุ้นเคย เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมได้เดินทางไกลมายังจังหวัด อุดรธานี และแน่นอนถ้าพูดถึงจังหวัดนี้ ก็น้อยคนนักที่จะไม่คิดถึง คำชะโนด เมืองนาคี ที่มีการนำเรื่องเล่าของพญานาค มาทำเป็นละครกันนักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่ผมรอคอยที่จะมาให้ได้สักครั้ง และผมก็เดินทางมาถึงแล้ว เมืองอุดร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง นานมากผมหลับไปหลายตื่น จากกรุงเทพมหานคร ที่แรกที่เขาว่ากันว่าต้องมากราบไหว้ก่อนที่จะไป คำชะโนด ก็คือศาลหลักเมือง จังหวัดอุดรธานี ผมก็เปลี่ยเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ลงมาที่ศาลหลักเมือง ซื้อดอกไม้ธูปเทียน ข้างหน้าศาลมีวางขายอยู่แล้ว เพื่อไว้ให้กราบไหว้ ศาลหลักเมืองเจ้าพ่อศรีสุทโธ ซึ่งก็มีคาถาบูชา ให้เราท่องตามได้ด้วย ในนี้มีคำเล่าลือกันว่า มีหินก้อนหนึ่ง ถ้าใครยกขึ้นเหนือหัวได้ หลังจาการอธิษฐานขอพรแล้ว คำขอพรนั้นจะเป็นจริง ผมไม่รอช้าก็ลองทำตามที่เขาบอกดู ได้หรือไม่ได้ขอเก็บเป็นความลับละกัน และก็ยังมีเซียมซีให้เสี่ยงทายเช่นกัน ผมก็ไม่พลาดที่จะลองอธิษฐานทั้งสองอย่างนี้ หลังจากแวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อศรีสุทโธแล้ว ก็ไม่รอช้ารีบเดินทางไปยัง คำชะโนดทันที ก็อยู่ไม่ไกลจากที่แรกมากนัก ขับรถไปประมาณ ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย วันที่ผมมานั้นตรงกับวันเสาร์ ซึ่งแน่นอนครับถ้ามาวันหยุดแบบนี้ ที่จอดรถหายากใช้ได้เลยทีเดียว เลยต้องขับอ้อมรอบ ๆ เพื่อหาที่จอดด้านหลัง แดดก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะบริเวณนี้นอกจากส่วนของเกาะคำชะโนดแล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนที่มีต้นไม้ ที่พอให้ร่มเงาบังแดดได้เลย และแล้วก็เข้ามาถึงด้านใน ในที่นี้หมายถึงส่วนของด้านหลังนะครับ เพราะผมจอดรถที่ด้านหลัง เลยต้องเดินเข้ามาทางนี้ ก็เจอกับศาลตายายเป็นที่แรก เป็นศาลตาศรีกับยายปทุม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ปู่ศรีสุทโธกับย่าปทุมมานั่นเอง ตรงนี้เป็นที่ให้เราได้กราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภ สำหรับใครที่ชอบเรื่องโชคลาภ ที่นี่เป็นที่สำหรับคุณอย่างแน่นอน และโชคดีจริง ๆ สำหรับวันนี้ ได้เจอนาคน้อย ซึ่งในวงการเรื่องการกราบไหว้ขอโชคลาภสถานที่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเราก็คือที่คำชะโนด ที่มีชื่อเสียงมานานแสนนาน และอีกหนึ่งที่เรารู้จักกันดี ก็คือนาคน้อยนี่แหละครับ ท่านเป็นคนทำพิธีรำบวงสรวง ต่าง ๆ เป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในนี้ ตกทอดมารุ่นสู่รุ่น ผมก็ได้นั่งดูสักพัก แล้วก็นำดอกไม้ธูปเที่ยนไปกราบไหว้ที่ศาลตายาย หลังจากไหว้ศาลตายายเสร็จ ก็เดินอ้อมเข้าไปด้านหน้า เพราะเราไม่สามารถเข้าไปโดย ไม่มีบัตรนะครับ เลยต้องเดินอ้อมไปข้างหน้า และก็ซื้อบัตร กับกระทงพญานาค ส่วนกระทงก็มีหลายขนาด ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อนพูดถึงหลักหมื่นหลายคนอาจจะคิดว่า แพงไปหรือเปล่า ที่พูดผมไม่ได้หมายถึงอันเล็ก ๆ นะครับ เขามีขนาดใหญ่มากถึงขั้นต้องใช้หลายคนในการแบก แต่สำหรับของผม 199 บาทครับ พอเข้ามาด้านใน ถึงกับต้องร้องโอ้โห คนที่รอไปไหว้บูชาที่ศาลพ่อปู่ศรีสุทโธนั้น เยอะมากแทบจะไม่มีที่ให้ขยับตัวได้เลย ผมต้องสลับกันกับพี่เพื่อที่จะเข้าไป เพราะเขาให้ต่อแถวแล้วขึ้นไปทีและแถว ใช้เวลาในรอรอนานมากครับ จนคิดว่าอยากจะออกจากตรงนี้ไปไหว้ที่อื่น แต่ว่าถ้าใครมาที่นี่แล้วไม่ได้ไหว้ตรงรูปปั้น ท่านปู่ศรีสุทโธแล้วยังถือว่ามาไม่ถึง ผมก็เลยต้องรอไปประมาณ 30 นาทีถึงจะขึ้นไปได้ และแล้วก็ได้ขึ้นไปกราบไหว้ พ่อปู่ศรีสุทโธจนได้ ขึ้นไปจะมีรูปปั้น และมีคนคอยนำสวดบทบูชา พ่อปู่ศรีสุทโธ กระทงที่เราถือไปเพื่อจะถวายนั้น สามารถขอเอากลับบ้านได้ด้วย หลังจากทำพิธีบูชาเสร็จ ผมก็เลยเอากลับมาด้วย มาทั้งทีก็อยากมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าง เพราะการที่จะได้มาที่นี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ หลังเสร็จภารกิจแล้วก็ได้เวลากลับ อันที่จริง ในนี้มีการทำพิธีต่ออายุสะเดาะเคราะห์ด้วย แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายแล้ว ท้องก็เริ่มหิว เพราะมาตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย และต้องเผื่อการเดินทางในการกลับด้วย ก็เลยต้องรีบกลับเพราะกว่าจะถึงก็คงหมดแรงไปตาม ๆ กัน ยังดีที่มีคนขับรถให้ ก่อนกลับก็ได้มีเวลานิดหน่อยเดินซื้อของฝากบริเวณด้านนอก ก็จะเป็นจำพวก กำไล สร้อยคอ จี้พญานาค ลูกแก้ว และของชำร่วยที่เกี่ยวกับที่นี่ ก็ผ่านไปในการมาเที่ยว 1 วันที่คำชะโนด สวยงามตามท้องเรื่อง ไม่ว่าจะด้านในหรือว่าด้านนอกล้วนแล้วแต่ มีที่ให้เราไปเที่ยวชมกราบไหว้ ข้างหน้าตอนที่เดินออกมานั้น ก็มีกองถ่ายละครมาบวงสรวง ก่อนเปิดกล้องด้วย แต่เสียดายเขาห้ามถ่าย เอาเป็นว่าถ้าใครอยากมาซึมซับบรรยากาศธรรมชาติ บรรยากาศการทำบุญ หรือแม้แต่การมาขอพร ก็เชิญเลยครับ ถึงแม้จะไกลจากเมืองกรุงที่หลายคนอยู่ แต่ก้ไม่ไกลไปกว่าใจเราที่ต้องการจะไป รับรองถ้าได้มาเห็นที่นี่แล้วคุณจะติดใจ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้ ต้องกล่าวคำว่า สวัสดี ภาพบทความทั้งหมดโดย : จุง ชาวไร่