(ภาพโดย JIb_Enjoy จาก Pixabay ) (ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธรhttps://yasothon.mots.go.th/news_view.php?nid=343#group1-4) 5 แห่งวันเดียวฟินท่องเที่ยวสุดชิคอินยโสธร จังหวัดอันแสนสงบร่มรื่นแห่งนี้นอกจากจะขึ้นชื่อทางด้านประเพณีบุญบั้งไฟแล้วหล่ะก็ หากท่านใดที่ต้องการที่จะสำผัสกับความเป็นกันเองแบบวิถีอีสานกันแบบเต็มๆตา ขอเพียงแค่มีความต้องการที่จะใช้เวลาว่างในการพักผ่อนแบบไม่รีบร้อนในวันหยุด ขอเชิญทางนี้เลยจ้ามาเยี่ยมชมกับจังหวัดที่อุดมไปด้วยมนต์ขลังแห่งนี้ เมืองเล็กๆที่มีแต่ความเป็นกันเองในหลายแง่มุมที่มีมนต์เสน่ห์ให้ชวนหลงไหลเป็น ที่สุดเลยทีเดียว และเชื่อได้เลยว่าหลายท่านจะหลงรักแล้วกลับมาท่องเที่ยวอีกเป็นแน่ในบทนี้อยากขอนำเสนอ เส้นที่สำหรับนักท่อง เที่ยวที่มีการใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะ ซึ่งเส้นทางที่เรียนนำเสนอนี้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถไปได้ทุกแห่งภายในจังหวัดได้ก็ตามที แต่รับรองได้เลยนะครับว่าสนุก และมีความสุขเป็นอย่างมากเป็นแน่ โดยทุกๆท่านจะสามารถที่จะเก็บภาพในการเที่ยวในจังหวัดที่เล็กๆ และแสนที่จะน่ารักแบบนี้ในถิ่นอีสานใต้ไปได้อีกนานแสนนานกันเลยทีเดียว ลองไหมท่องเที่ยวแบบวงกลม คือ เริ่มต้นที่ไหนจบเราจะขอแนะนำสเต็ปในการเดินทางแบบนี้เลย กล่าวตาม Google Map ตามชื่อสถานที่แบบนี้เลยจ้า จุดแรกที่เราอย่างจะแนะนำให้เริ่มต้นในการเข้าเช็คอินนั่นก็คือนี่เลย แวะสักการะที่ "ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดยโสธร" โดยศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนั้นเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง 3 วัฒนธรรมไว้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นไทย,จีน,ลาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีมาอย่างช้านานทางลุ่มน้ำแถบนี้ เสร็จจากนั้นจอดรถได้ที่นั่นเลยนะขอบอก เพราะทุกท่านนั้นสามารถที่จะเดินเยี่ยมชม "เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า" เพราะย่านเมืองเก่าแห่งนี้นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างช้านาน ตั้งแต่สมัยครั้งฝรั่งเศสที่เข้ามามีอิทธิพลในประเทศของเรา (ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธรhttps://yasothon.mots.go.th/news_view.php?nid=466) จึงทำให้มีสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรปที่ยังคงสภาพไว้งดงาม และเหมาะสำหรับในการเป็นสถานที่อีกหนึ่งแห่งให้ทุกท่านได้เช็คอินกันแบบชิวๆ ในยามเช้า และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในบริเวณนี้ยังได้มีร้านอาหารแสนอร่อยที่เปิดให้บริการอยู่อย่างมากมายเช่นเดียวกัน หลังจากที่ได้ท่องเที่ยวเก็บภาพเต็มอิ่มกันแล้ว อย่างได้ช้าเดินทางต่อไปที่แลนด์มาร์คจังหวัดยโสธรกันเลย ที่นั่นก็คือ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" และ " พิพิธภัณฑ์พญานาค " (ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธรhttps://yasothon.mots.go.th/news_view.php?nid=343#group1-1) ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของเมืองยโสธรเช่นเดียวกันและไม่ห่างกันมาก โดยถ้าทุกท่านอาจจะเคยเห็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ที่มีนามว่าเมอร์ไลออน ที่นี่ก็อลังการไม่แพ้กัน ทั้งยังตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำอย่างสวยงามเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว โดยภายในของทั้งสองสถานที่ได้ถูกออกแบบเป็นแหล่งเรียนรู้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระเรื่องราวของจังหวัดอันมากไปด้วยตำนานแห่งนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย ภายในบรรยากาศที่เย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศที่สามารถทำให้ทุกท่านได้ Relax กันอย่างเต็มที่ เมื่อชมและรับความรู้จนอัดแน่นเต็มอิ่มแล้วก็ออกเดินทางจากจังหวัดยโสธรสู่รอบนอกกันเลย โดยเป้าหมายของเราต่อไปจะอยู่ที่ " พระธาตุก่องข้าวน้อย " (ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธรhttps://yasothon.mots.go.th/news_view.php?nid=343#group1-3) ซึ่งพระธาตุก่องข้าวน้อยก็ยังอยู่ในเขตของตำบลตาดทองจังหวัดยโสธร ซึ่งมีที่จอดรถ และสถานที่อำนวยความสะดวกอีกมากมายอีกทั้งยังไม่ห่างไกลเกินไปนัก ในอาณาเขตสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวได้เลือกจับจ่ายได้เป็นอย่างมากมายระรานตาเป็นที่สุด ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่ศิลปะแบบขอมมีรูปทรงแปลกตาไปจากเจดีย์ทั่วไป โดยแม้ประวัติของการสร้างก็ยังไม่มีที่ใดเหมือน และจะแตกต่างจาก ธาตุอื่นๆ นั่นก็คือเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของชายคนหนึ่ง ซึ่งทำร้ายมารดาของตนจนเสียชีวิตเนื่องจากหิวข้าวสุดท้ายเป็นการขอขมาโดยการสร้างธาตุแห่งนี้ขึ้นมานั่นคือตำนานสั้นๆของธาตุแห่งนี้ เสร็จจากพระธาตุก่องข้าวน้อย ก็อย่าพึ่งหมดแรงกันนะเดินทางต่อไปที่ " วัดพระพุทธบาท จังหวัดยโสธร " โดยที่แห่งนี้แม้จะออกห่างจากตัวเมืองไปหน่อย แต่การันตีได้เลยคุ้มที่จะเดินทางเป็นอย่างมาก วัดพระพุทธบาทนั้นตั้งอยู่ที่ บ้านหนองยาง ตำบลหัวเมือง อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร เป็นโบราณสถานซึ่งสวยงามเป็นอย่างมาก และมีประวัติอันยาวนานโดยตั้งอยู่ ริมแม่น้ำชี ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม ,สงบ ,ร่มรื่น และร่มเย็น เป็นศาสนสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธบาทอันล้ำค่าของจังหวัดยโสธร โดยสถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นศิลปะประยุกต์ของทางสถาปัตยกรรมเลยทีเดียว ซึ่งมีการออกแบบลวดลายอันสวยงามวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก หนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่าของวัดแห่งนี้นั่นก็คือเป็นสถานที่ประดิษฐานของ พระประธานที่เจียระไนจากหยกขาวขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย รวมถึงบรรยากาศภายในที่สุดแสนจะร่มรื่น และมีบริเวณพักผ่อนหย่อนใจที่ทุกท่านสามารถที่จะให้อาหารปลาได้ในยามเย็น จากนั้นก็นับเป็นที่สิ้นสุดในการเดินทาง และหันหัวในการเดินทางกลับสู่จังหวัดยโสธรอย่างสวัสดิภาพ (ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธรhttps://yasothon.mots.go.th/news_view.php?nid=479#group1-10) เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวในวิถีสโลว์ไลฟ์ และดื่มด่ำในความเป็นพื้นบ้านที่สามารถสำผัสกับศิลปะวัฒนธรรมที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ ณ จังหวัดแห่งนี้เชื่อได้ว่าคงจะถูกใจกันไม่มากก็น้อย แม้ว่าทริปต่างๆที่ได้กล่าวไปนั้นจะไม่สามารถทําให้ทุกท่านเดินทางท่องเที่ยวทั่วจังหวัดเล็กๆแห่งอย่างนี้ได้ก็ตามที ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจังหวัดที่รายล้อมด้วยศิลปะอารยธรรมแห่งนี้ ยังมีหลายสิ่งที่น่าจะทำให้ทุกท่านได้ติดตามค้นหาก็อีกอยู่เป็นแน่ ถ้าท่านใดได้ลองมาท่องเที่ยวดูสักครั้ง อาจจะหลงรัก และ หลงเสน่ห์ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เป็นได้ ยโสธรยินดีต้อนรับทุกๆท่านเสมอนะครับ