ยโสธร จังหวัดเล็ก ๆ ในภาคอีสานแห่งนี้ มีพระธาตุสำคัญสองแห่งที่ประชาชนเคารพสักการะ อยู่ในเขตอำเภอเมือง และไม่ไกลกันนัก เหมาะสำหรับการมาไหว้และมาเที่ยวทั้งสองพระธาตุในคราวเดียวกัน การเดินทางของผมวันนี้เริ่มต้นที่ธาตุก่องข้าวน้อย เคยได้ยินตำนานธาตุก่องข้าวน้อยมั้ยครับ ตำนานโบราณ เล่าถึงลูกชายชาวนา ออกไปทำนาตากแดดตั้งแต่เช้า ออกแรงเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นข้าว อาบเหงื่อท่วมกายเพื่อปากท้อง เป็นตำนานแสดงภาพชีวิตชาวอีสาน ที่ต้องแลกแรงกายเพื่อความเป็นอยู่ ไม่มีทางเลือกไปมากกว่านั้น ทุกวันนี้อาจจะมีชาวเมืองสร้างภาพสวยงามว่าวิถีชีวิตเกษตรกรรมคือความเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าคุณมีเงินทองเต็มมือ มีคุณภาพชีวิตที่ดี แล้วเลือกหลบหนีชีวิตวุ่นวายในเมืองไปนอนจิบกาแฟ อ่านหนังสือ ทำเกษตรพออยู่พอกิน แต่ไม่ได้สวยงามเลยกับคนที่แร้นแค้น คนที่มีปากท้องอีกมากหลายให้เลี้ยงดู คนที่ไม่มีเงินไปหาหมอเวลาเจ็บป่วย คนที่ไม่มีค่าเทอมให้ลูก เป็นความเหลื่อมล้ำทางโครงสร้าง ที่ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกที่จะสบาย ได้แต่ก้มหน้าใช้แรงงานต่อไป ตำนานบอกว่าชายชาวนาคนนั้นทำงานกลางทุ่งตั้งแต่เช้า ไม่มีข้าวตกถึงท้อง เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจะเป็นลมเสียให้ได้ เมื่อแม่มาถึง พร้อมด้วยข้าวเหนียวกล่องน้อย มองอย่างไรก็ไม่พอยาไส้ เขาจึงพลั้งมือฆ่าแม่ด้วยอารามโมโห จนเมื่อกินข้าวอิ่มยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าวเหนียวในกล่องยังคงเหลือ สติจึงกลับคืนมา ร่ำไห้คิดถึงแม่แทบขาดใจ ตำนานบอกว่า ชาวนาคนนั้นใช้แรงตัวเอง สร้างธาตุกลางทุ่งนาเพื่อเก็บกระดูกของแม่ เป็นสถานที่พักผ่อนสุดท้ายของแม่ ผมเดินทางด้วยรถยนต์บนถนนลาดยางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเมือง จังหวัดยโสธร สถานที่ตั้งของธาตุในตำนาน ก่อนจะเข้าถึงเขตหมู่บ้าน ต้นตาลที่อยู่กลางทุ่งนาโบกสะบัดเหมือนโบกมือต้อนรับผู้มาเยือน ทุ่งนาที่ปูพรมด้วยต้นข้าวสีเขียวจัด ก็พลิ้วตามแรงลมไปทางเดียวกัน ฝนเริ่มโปรยลงมาในตอนที่ผมก้าวลงจากรถ ละอองฝนตกกระทบสระน้ำ และกระทบใบหน้าผมที่เป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวในวันนี้ มีเพียงสาวขายล็อตเตอรี่กับพ่อค้าที่เตรียมเปิดร้านขายของอยู่เป็นเพื่อนไม่ให้วังเวงเกินไปนัก ธาตุก่องข้าวน้อย เป็นธาตุอยู่กลางทุ่งนา ผู้มาเยือนจึงสามารถจินตนาการได้ว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ในตำนานนั้นบรรยากาศรอบตัวเป็นอย่างไร ผิดแต่ว่าวันนี้สายลมและสายฝนพัดพาอากาศเย็นมาปะทะหน้าผมวูบ ๆ จึงไม่ได้รับรู้ถึงความทรมานกลางแดดร้อนเหมือนชาวนาคนนั้น ธาตุก่องข้าวน้อย แปลเป็นภาษาไทยกลางคือ "ธาตุกล่องข้าวใบเล็ก" หลายคนชอบเรียกว่าพระธาตุ ซึ่งเป็นการเรียกที่ผิด เนื่องจากคุณแม่เจ้าของกระดูกเป็นคนธรรมดา จึงไม่ต้องมีคำว่า "พระ" นำหน้า ธาตุก่องข้าวน้อยเป็นโบราณสถานสีขาวดำกระดำกระด่าง ให้อารมณ์ของความโบราณ และเป็นธาตุแสนชิลล์จากลมพัดแรงเพราะอยู่กลางทุ่งนา มีบึงน้ำอยู่ข้าง ๆ และให้ความรู้สึกสงบเพราะมีผู้มาเยือนไม่มากนัก ออกจากหมู่บ้านตาดทอง ผมขับรถลอดซุ้มป้ายชื่อธาตุก่องข้าวน้อย มุ่งหน้าสู่พระธาตุอีกแห่งหนึ่งในตัวเมืองยโสธร คือพระธาตุอานนท์ ระยะทางไม่ไกลกันนัก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ขับรถถึง พระธาตุอานนท์ ตั้งอยู่ในเขตวัดมหาธาตุ ในตัวเมืองยโสธร วัดแห่งนี้ชาวยโสธรเคารพศรัทธากันมาก ถือเป็นวัดประจำจังหวัดก็ว่าได้ ตามตำนานพื้นบ้านของยโสธรยอกว่าน่าจะสร้างมา 200 กว่าปีแล้ว จึงเป็นวัดที่เก่าแก่มาก ๆ แห่งหนึ่ง ตัวพระธาตุเป็นจุดเด่นของวัด ด้วยสีขาวสง่าหน้าพระอุโบสถ และมีปลายยอดสีทองเป็นจุดเด่น พระธาตุแห่งนี้มีความพิเศษคือบรรจุพระธาตุของพระอานนท์ พระสาวกองค์สำคัญของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระธาตุแห่งเดียวในประเทศไทยที่บรรจุพระธาตุพระอานนท์ จังหวัดยโสธร และแผ่นดินอีสานในโดยรวม เป็นภูมิภาคที่ประชาชนศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก หากมีโอกาสได้มาเที่ยวอีสาน สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งธาตุก่องข้าวน้อยและพระธาตุอานนท์ทั้งสองแห่งนี้ครับ ธาตุก่องข้าวน้อย หรือธาตุตาดทอง ตั้งอยู่ที่ถนนธรรมาภินันท์ บ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร การเดินทางด้วยรถยนต์ ออกจากตัวเมืองยโสธรไปตามถนนแจ้งสนิท เมื่อผ่านหมู่บ้านตาดทอง จะเห็นซุ้มทางเข้าธาตุก่องข้าวน้อยทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร พิกัด https://goo.gl/maps/zigBmzRH7xDGVAYb6 พระธาตุอานนท์ ตั้งอยู่ในวัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร การเดินทางด้วยรถยนต์ จากถนนอรุณประเสริฐ เลี้ยวขวาเข้าถนนแจ้งสนิท แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวารีราชเดช พระธาตุจะอยู่ในบริเวณวัด พิกัด https://goo.gl/maps/FzDUqHj2gX72fDet5 รูปภาพประกอบโดยผู้เขียน