เปิดปีพุทธศักราช 2563 งานบุญใหญ่อีกหนึ่งงานที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ "งานนมัสการองค์พระธาตุกู่จาน" ที่ถือได้ว่าเป็นงานบุญประเพณีโบราณที่มีความสำคัญอย่างมากอีกหนึ่งงานของจังหวัดยโสธรและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งพระธาตุกู่จานนั้นตั้งอยู่ภายในลานกลางวัดบ้านกู่จาน ตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่เคารพสักการบูชาของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่รวมทั้งพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุกู่จานขึ้นในห้วงวันเพ็ญเดือนสามของทุกปีเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามเอาไว้ งานนมัสกรพระธาตุกู่จานหรือที่ใครต่อใครในท้องถิ่นเรียกว่า "งานสมโภชพระธาตุกู่จาน" ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การดำเนินงานของคณะสงฆ์วัดกู่จาน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมด้วยส่วนราชการภาครัฐและเอกชน สภาวัฒนธรรมตำบลกู่จานและชาวตำบลกู่จาน ซึ่งในปีนี้ (พ.ศ.2563) ได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 มีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน ในช่วงกลางวันได้มีการเปิดบริการให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศลตลอดทั้งวัน และในช่วงกลางคืนได้มีการสวดสมโภช เสริมบารมีองค์พระธาตุกู่จาน อุบาสก อุบาสิกา สวดเจริญจิตภาวนาตลอดทั้งคืน โดยการนำสวดสมโภชในปีนี้นอกจากจะมีประธานสงฆ์จุดเทียนชัยและพระสงฆ์สวดสมโภชแล้ว ยังมีมหาบัณฑิตพราหมณ์ยอด ยอดขวัญ มาลา พราหมณ์ผู้นำอุบาสก อุบาสิกา สวดเจริญจิตภาวนาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นำสวดได้อย่างสนุกสนานตลอดทั้งคืน ทำให้กิจกรรมในช่วงกลางคืนนั้นไม่น่าเบื่อและมีสีสันมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ การบวชชีพราหมณ์ หมอลำย้อนยุค ขบวนแห่ต้นผ้าป่า พิธีเวียนเทียนในวันมาฆบูชา มหรสพ กิจกรรมสอยดาวการกุศล ไหว้พระ,ยกพระเสี่ยงทาย ซุ้มอุโมงค์ไฟสำหรับถ่ายรูปเช็คอิน โรงทาน รวมไปถึงสวนสนุกที่มีให้บริการเอาใจเด็กเล็กเด็กน้อยที่ติดตามผู้ปกครองมาที่วัดด้วยงานนมัสการพระธาตุกู่จาน เป็นกิจกรรมที่รักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การสืบทอดและถือว่าเป็นงานพิธีกรรม บุญประเพณีโบราณที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าพิธีกรรมจะศักดิ์สิทธิ์เพียงใด หากไม่มีศรัทธาแล้วนั้น พระพุทธศาสนา วัฒนธรรม หรือขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ยิ่งในยุคนี้ความเป็นสากลเริ่มครอบงำโลกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วความเป็นไทยก็ยิ่งจางหายตามกาลเวลา ดังนั้น การรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นที่สืบทอดต่อกันรุ่นสู่รุ่นในอนาคตจะต้องไม่ใช่การสอนให้รักษ์แบบงมงายอีกต่อไป แต่จะต้องสอนให้เข้าใจถึงเหตุและผลของการอนุรักษ์นั้นด้วย