2 Day 1 Night Forest Bathing by Natural & Music Therapy at Aumhum-Homestay ตุลาคมเดือนแห่งปลายฝนต้นหนาว อากาศกำลังเย็นสบายพอเหมาะพอดีๆ ช่วงนี้ต้นไม้กำลังเขียวขจีจากน้ำฝน สำหรับผู้เขียนคิดว่าเหมาะกับการไปพักผ่อนมากๆหลังจากที่ผู้เขียนได้ทำงานติดต่อกันมาหลายสัปดาห์แล้วก็อยากออกไปทำกิจกรรมที่ได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้งเพื่อผ่อนคลาย เลยค้นหากิจกรรมใหม่ๆ ในอินเตอร์เน็ต จึงได้ไปพบกับกิจกรรม “ #อาบป่า ” ของ #อุ้มฮุ่ม โฮมสเตย์และสวนป่าเกษตรอินทรีย์ โดยกิจกรรมอาบป่าของที่นี่เป็นการเปิดโลกความสมดุลของมนุษย์กับธรรมชาติด้วยตนเอง ผ่านกระบวนการของศาสตร์การอาบป่า ร่วมกับศิลปะและดนตรีบำบัดอย่างลึกซึ้ง ผู้เขียนจึงลงทะเบียนไปร่วมกิจกรรม 2 วัน 1 คืนหลังจากไปสัมผัสมาแล้วเลยนำความประทับใจมาบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการอาบป่าในครั้งนี้ให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัส“การอาบป่า” คือ การบำบัดชีวิตด้วยธรรมชาติ จากสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมเมืองที่มนุษย์ถูกตัดขาดจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ส่งผลให้เกิดความเครียด ความเมื่อยล่า และความเศร้าหมอง ดังนั้น ศาสตร์การอาบป่าจึงเป็นวิธีการหนึ้งที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ และในขณะเดียวกันยังช่วยให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้งและสามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติด้วยวิถีที่ยั่งยืนผู้เขียนออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ช่วงเช้าของวันเสาร์ เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 107 ผ่านอำเภอแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการ แล้วจึงจะถึงอำเภอฝาง ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อถึงตัวอำเภอจึงแวะทานอาหารเที่ยงก่อนเข้าไปที่ อุ้มฮุ่ม โฮมสเตย์ ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปอีกประมาณ8 กิโลเมตร โดยหน้าสวน อุ้มฮุ่ม นั้นจะมีป้ายไม้บอกอย่างชัดเจน พอขับรถเลี้ยวเข้ามาในระยะ 100 เมตรแรก ผู้เขียนเห็นว่าเป็นสวนผลไม้ผสมผสานทั่วไป แต่พอจอดรถและเดินเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศใจกลางสวนกลับเป็นสวนป่าที่สวยงาม และเนืองแน่ด้วยต้นไม้น้อยใหญ่กว่า 5,000 ต้น ที่ปกคลุมพื้นที่กว่าครึ่งนึงของพื้นที่ทำให้อากาศภายในชุ่มชื้นเย็นสบาย ซึ่งเมื่อผู้เขียนมาถึงก็ได้รับการต้อนรับจากคุณอุ้มและคุณนุ้ย เจ้าของโฮมสเตย์อย่างเป็นกันเองกิจกรรมเริ่มต้นในช่วงบ่าย เปิดรสสัมผัสด้วยเครื่องดื่ม Wellcome drink คือคร๊าฟท์โคล่า ที่ใช้เครื่องเทศในสวน ทานคู่กับขนมเค้กกล้วยหอมที่ปลูกเอง ดื่มแรกรู้สึกสดชื่น รับรู้ถุงความหวานที่มาจากธรรมชาติและสามารถเข้าถึงเครื่องเทศเกือบทุกชนิดที่นำมาผสมได้อย่างง่ายดาย โดยหลังจากที่ดื่มเสร็จผผู้เขียนเองเริ่มรู้สึกเลยว่าชีวิตเราต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับอาหารที่เราบริโภคแล้ว ว่าจริงๆ แล้ว เราดื่ม - กิน อะไรเข้าไป? และมันปลูกหรือผลิตมาจากไหน อย่างไร ซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยหรือไม่ ?“คุณอุ้ม” เริ่มเข้ามาพูดคุยทักทายอย่างเป็นทางการ และแนะนำรูปแบบการอาบป่าเบื่องต้น โดยให้เราเปิดสัมผัสทั้ง 5 ของร่างกาย (Fifth element ) พูดสั้นๆ จบ ก็เริ่มพานำกิจกรรมโดยการเดินชม “นิทรรศ อุ้มฮุ่ม” ในสวนป่า บนพื้นที่ 18 ไร่ ซึ่งระหว่างการเดินชมเรา จะได้สัมผัสกับต้นไม้ที่หลากหลายที่ปลูกอยู่ในพื้นที่กว่า 150 ชนิด และดมกลิ่นหอมจากใบไม้ ดอกไม้ ต่างๆ ระหว่างการเดินชม จะได้ยินเสียงนกหลากหลายชนิดและไก่ขัน ตลอดจนได้เห็นการเคลื่อนไหวของใบไม้ ดอกไม้ รวมถึงสัตว์ต่างๆ เช่น กระรอก หนอน และนกต่างๆ นาๆ ที่แอบอาศัยอยู่ในสวนป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ หลังจากเดินสัมผัสจนถึงท้ายสวนก็พากันนั่งแช่เท้าในลำธาร ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก กิจกรรมช่วงนี้รู้สึกเลยว่าการที่มีผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจลึกซึ้งต่อกระบวนการอาบป่า โดยที่ผู้นำกระบวนการนั้นไม่ชี้นำ และแสดงเจตตนาที่จะทำให้คล้อยตาม ส่งผลให้ผู้เขียนรู้สึกซื่อสัตย์ต่อตนเอง ปลอดภัยต่อการได้สัมผัสธรรมชาติ จนสามารถหลอมรวมตนเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างแนบสนิทแบบที่ไม่ทันรู้ตัวช่วงเย็นพักผ่อนตามอัธยาศัยในบ้านพัก ที่นี่มีบ้านพักที่มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบาย โดยบ้านแต่ละหลังถูกปลูกสร้างให้ห่างจากกัน บ้านพักหลังแรกชื่อ“บ้านจันผา” เป็นบ้านเดี่ยวตั้งอยู่กลางสวนป่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสงบบ้านหลังที่สองชื่อ “บ้านวาสนา” เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ และบ้านหลังสุดท้ายชื่อ “บ้านศุภโชค” มีบรรยากาศในสวนผลไม้ มีทางขึ้นตัวบ้านเป็นทางลาด มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือครอบครัวที่มีเด็กๆ โดยคืนนี้ผมเลือกนอนพักที่บ้านจันผา ทันทีที่เข้าบ้านพัก รู้สึกถึงความโปร่ง โล่ง สบาย พอได้นั่งนิ่งๆบนเตียงเพื่อที่จะพักผ่อน ผมรู้สึกว่าสัมผัสสะ ทั้งห้าจากภายนอกที่ถูกฝึกใช้ตอนเดินชมนิทรรศช่วงบ่ายยังซึมซาบและเปิดทำงานอยู่ แม้จะนั่งอยู่ในบ้านพักก็เหมือนกับว่าเรายังคงเชื่อมต่อกับธรรมชาติในอริยาบทที่เบาสบายๆมื้อค่ำเริ่มตอนหกโมงเย็น จากบ้านพักเดินผ่านสนามหญ้าที่เป็นลานโล่งแบ่งกั้นเขตแดนด้วยรั้วต้นไม้ของสวนป่า เหมือนทุ่งหญ้าสะวันน่ากับป่าเบญจพรรณบนยอดดอยอินทนนท์ กลิ่นของอากาศชื้นเย็นสบายลอยเข้าจมูกช้าๆ ในขณะที่แสงอาทิต์กำลังตก แสงสีส้มตัดกับต้นไม้สีเขียว เหมือนการร่ำลาโลกให้รู้ว่ากำลังจะหมดวันแล้ว และกลางคืนก็กำลังจะเริ่มต้น ช่วงเวลาที่เชื่องช้าแบบนี้ทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติ ผู้เขียนไม่คิดว่าระยะเดินจากบ้านเพียง 2 นาที จะตราตรึงได้ขนาดนี้ ทันทีที่ถึงคาเฟ่เป็นอาคารหลังเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี โดยอาหารเย็นวันนี้ คุณอุ้มและคุณนุ้ย ทำอาหารที่มาจากวัตถุดิบ-เครื่องเทศในสวนมาปรุงเป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่นที่มีเสน่ห์ ด้วยวัตถุดิบที่สด สะอาดและมาจากธรรมชาติสัมผัสได้ถึงความอร่อย ประกอบกับในขณะที่กำลังจะเริ่มทานอาหารก็มีดนตรีสดจากศิลปินท้องถิ่นมาบรรเลงดนตรีบำบัด (Music Therapy) เข้ากันมากเหมือนกับว่า ผู้เขียน สิ่งแวดล้อม อาหารและเครื่องดื่ม กับดนตรีที่บรรเลง นั้นไม่สามารถแยกออกจากันได้ เรียกได้ว่า อร่อยหู อร่อยตา และอร่อยปาก … หลังจากมื้อเย็นผมก็ไปยืนชื่นชมดาวที่ลานสนามหญ้าก่อนกลับบ้านพักผ่อนเช้าที่สดชื่น ความบริสุทธิ์ของอากาศทำให้ตื่นเช้าขึ้น เปิดประตูหน้าบ้านมาพบอากาศที่สดชื่นแจ่มใส ลมกำลังเย็นสบาย นกร้องจิ๊บ - จั๊บ เหลือบเห็นต้นไม้ไหวๆ เจ้ากระรอกตัวน้อยกำลังปีนป่ายหาอาหาร ออกเดินจากบ้านเลยมาหยุดชมนิทรรศอุ้มฮุ่มด้วยตนเองอีกรอบ เดินเชื่องช้าไปเรื่อยๆ ลมหายใจเช้านี้เต็มปอดดีจริง แสงอาทิตย์กำลังส่งมอบความอบอุ่นบางๆ นี่เราไม่ได้อาบแดดเช้าแบบนี้ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นที่หน้าเสาธง สักพักก็เดินกลับเข้ามาที่คาเฟ่ที่มาทานอาหารค่ำ โดยเช้านี้เป็นอาหารไทยจานเดียว รสชาติเบาๆ ผู้เขียนขอบอกเลยว่าข้าวหอมมะลิอินทรีย์ของที่นี่หอมและอร่อยมาก ทานกับอะไรก็อร่อย ซึ่งระหว่างทานข้าวเช้า เลยสั่งกาแฟดริป ซึ่งเป็นกาแฟออร์แกนิก ที่ปลูก แปรรูป และคุณอุ้มจะคั่วใหม่ๆ ด้วยมือเกือบทุกสัปดาห์ คั่วไว้ทีละน้อย ไม่เก็บไว้นาน จึงทำให้กาแฟหอมมาก หลังจากมื้อเช้าก็นั่งเพลินๆ ต่อที่คาเฟ่ เหมือนเป็นการปล่อยให้ตัวเราเอง “พักผ่อน” คือ การหยุดทุกอย่างจากโลกอินเตอร์เน็ตหยุดรับรู้เรื่องข้างนอก สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตรงหน้า ในความเรียบง่าย ที่เอาร่างกายมาเปิดสัมผัสทั้ง 5 กับธรรมชาติ 2 วัน 1 คืน ด้วยการ “อาบป่า” เหมือนเราได้รับพลังงานจากโลก“เมื่อคุณซื้อที่พักผ่อนสักครั้งหนึ่ง คุณอาจไม่ได้ซื้อแค่เวลาเช่าห้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรือมุมถ่ายรูป แต่คุณอาจกำลังมองหาชีวิตใหม่ที่เราอาจไม่เคยได้สัมผัสด้วยความรัก สุนทรีภาพ และธรรมชาติให้กับชีวิต”ทางอุ้มฮุ่ม โฮมสเตย์ จัดกิจกรรม อาบป่าทุกวันเสาร์ ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี โดยรับจำนวนครั้งละ 4-10 ท่าน เพื่อความเป็นส่วนตัว จะต้องจองมาล่วงหน้าเท่านั้น ได้พักผ่อนและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการมีกิจกรรมร่วมกันอย่างมีคุณค่าทั้ง กายและใจ #Naturaltherapy #forestbathing #อาบป่า #ธรรมชาติบำบัด #อุ้มฮุ่ม #organic#เกษตรอินทรีย์ #ท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวเชิงเกษตร #BCG #เชียงใหม่รูปทั้งหมดเป็นของผู้เขียนอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !