5 วิธี เรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลง‘เพลง’ คงไม่มีใครไม่ชอบคำนี้นะ เราคงได้ยินเพลงซักเพลงในหนึ่งวัน เพลงไม่ได้มีไว้เพื่อความผ่อนคลายเท่านั้นแต่ยังมีไว้สำหรับเรียนภาษาด้วย หากใครรู้สึกเรียนกับครู เรียนผ่านหนังสือไม่ใช่ทาง วันนี้ขอนำเสนออีกวิธีคือ เรียนผ่านเพลงค่ะใครๆ ก็บอกว่าเรียนภาษายาก โดยเฉพาะประเทศไทยเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แต่ไหงเรียนจนจบมหาลัยยังพูดไม่ได้ ถึงพูดได้ก็ งูๆ ปลาๆ นั่นแหละวันนี้จึงอยากนำเสนอวิธีการเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงไม่ง้อครู ซึ่งเป็นประสบการณ์ของตัวเองจริงๆ ที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นภาษาที่สามตั้งแต่อายุ 15 ผ่านเพลง แล้วต้องทำยังไง มีวิธีไหนบ้างที่เรียนเอง ได้ผลจริง Let’s go!1. ฟังเพลง-ฟังสำเนียงวิธีแรกในการฝึกภาษาคือการฟัง การฟังเพลงให้ทั้งความบันเทิงและสาระ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเมื่อเราฟังเพลงหาเพลงที่เราชอบแนวไหนก็ได้ และค่อยๆ ฟังสำเนียงการออกเสียงของศิลปินนั้นๆ จะช่วยให้เราพัฒนาเรื่องสำเนียงและทักษะการฟังซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนภาษา หากอยากฝึกสำเนียงไหนให้ฟังเพลงชาตินั้น เช่นสำเนียงอังกฤษ อเมริกัน ทุกชาติมีสำเนียงการพูดไม่เหมือนกัน อย่าลืมนะคะขั้นแรกฟังเพลงแล้วฝึกฟังสำเนียง2. ฟังเพลง-พูดตามเมื่อฟังเพลงแล้ว ทักษะต่อมาคือการพูด ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ไม่มีกฎตายตัว บางครั้งเมื่อสองประโยครวมกันอาจจะรวบรัดพูดเป็นอีกแบบ หรือที่เรียกว่าเสียงเชื่อมระหว่างคำ เช่น walk in อ่านแยก วอล์ค - อิน แต่หากมีการเชื่อมคำเหมือนเจ้าของเสียงเพื่อความคล่อง จะอ่านเป็น วอล์ค – กิ่น หรือการฝึกออกเสียงคำที่ต้องเน้นคำหนักเบา เสียงสะกด t, s, th เป็นต้น ดังนั้นการพูดตามจะทำให้เราฝึกลิ้นในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อความคล่องค่ะ หรือเราอาจจะจำประโยคที่ฟังแล้วไปพูดกับคนอื่นก็ได้นะคะ3. ฟังเพลง-เขียนเนื้อเพลงหลังจากฟังและพูดตามจากเพลงแล้ว คราวนี้มาเขียนเนื้อเพลงของเพลงโดยที่ฟังเพลงนะคะ ห้ามแอบดูเนื้อเพลงที่แปลในอินเทอร์เน็ตเด็ดขาด วิธีนี้เราลองมาแล้วค่ะ เปิดเพลงฟังและหยุดเป็นท่อนๆ หยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียน ไม่ต้องห่วงว่าเขียนถูกหรือเขียนผิดนะคะเขียนไปเลย ขั้นตอนนี้ไม่มีถูกผิด หากพยายามที่สุดแล้วเขียนไม่ได้เราก็เว้นว่างเลยในท่อนนั้นๆ ให้มันรู้ไปเลยว่าเราไม่ได้จริง ขั้นฝึกเขียนเนื้อเพลงจะช่วยเพิ่มทักษะเราในการเขียน การสะกดคำด้วย อาจจะท้อช่วงแรกๆ ในการเรียนนะคะเพราะมีคำที่เราเขียนไม่ได้เยอะเลย ฟังก็ไม่ออก แต่เพลงต่อไป เราจะแปลกใจที่กระดาษของเราเริ่มเต็มไปด้วยคำมากมายในขั้นนี้ยังไม่หมดนะคะ หากเรามั่นใจว่าเราจะตรวจเนื้อเพลงที่เราเขียนเองจากการฟัง สรุปเปิดเพลง เขียนเนื้อเพลงตามที่ได้ยิน เปิดเนื้อเพลง เช็กความถูกต้อง4. ฟังเพลง-ลองแปลลองเขียนเนื้อเพลงเองก็แล้ว เช็กเนื้อเพลงต้นฉบับแล้ว มาวิธีนี้ค่ะ จากเนื้อเพลงที่เราดูในอินเทอร์เน็ต ให้เราลองมาแปลกันค่ะ (แต่อย่าเพิ่งรีบเปิดแปลเนื้อเพลงนะคะ) โดยการแปลดูจากคำศัพท์ต่างๆ ที่เรารู้ ดูบริบทหน้าและหลัง เพราะบางครั้งคำศัพท์หนึ่งคำมีหลายความหมาย ทำหน้าที่ต่างกัน ทำให้ความหมายต่างกันในแต่ละประโยคค่ะ และอย่าลืมจดคำแปลเราไว้ด้วยนะคะ วิธีนี้หากใครรู้คำศัพท์เยอะอาจจะแปลได้เยอะ แปลถูกผิดไม่เป็นไรค่ะ ฝึกการเดา เพราะไม่มีใครรู้ทุกอย่าง แต่การรู้เพียงบางคำก็สามารถทำให้เราเข้าใจภาพรวมได้สรุปแปลเนื้อเพลง และเขียนลงกระดาษตรวจเช็กความถูกต้อง5. ฟังเพลง-จำคำศัพท์มาถึงสุดท้ายแล้ว ผ่านมาทั้ง 4 วิธีจากข้างต้นเพื่อฝึกปรือ ขั้นนี้มาดูคำศัพท์ที่เราไม่รู้ สำนวน หรือแสลงต่างๆ ในเพลงกันค่ะ อย่างที่บอกภาษาอังกฤษบางคำ ไวยากรณ์ ประโยคบางรูปอาจไม่เหมือนที่เราเรียนจากครู แต่ภาษาไม่มีตายตัว ดังนั้น เมื่อฟัง พูดตาม เขียนเนื้อเพลง แปลเองแล้ว ให้จดคำศัพท์ สำนวน แสลงต่างๆ ที่เราชอบสนใจพร้อมเขียนความหมายของคำด้วยนะคะ และข้อดีจากการฟังเพลงคือ เราร้องเพลงได้ เราจะจำภาพรวมความหมายเพลงได้ เพราะฉะนั้นการจำคำศัพท์ไม่ยากเลยค่ะ หมั่นจำ เขียน ร้องเพลงก็จะเป็นการทบทวนความรู้ใหม่ๆ ในเพลงนั้นค่ะเป็นยังไงบ้างคะ ฟังเพลงได้ทั้งความสนุกและสาระ อย่าลืมนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองนะคะ และอย่าลืมทบทวนบ่อยๆ เพื่อที่จะซึมเข้าไปในชีวิตเรานะคะ ที่สำคัญอย่าลืมนำไปใช้ในชีวิตนะคะ ไปพูดกับตัวเองหน้ากระจกก็ได้ค่ะ (ส่วนตัวตอนเด็กฝึกพูดกับสิ่งของเพราะขี้อายค่ะ)ขอบคุณรูปภาพรูปปก จาก ผู้เขียนรูปที่ 1 จาก Soundon/pexelsรูปที่ 2 จาก Edmond Dates/pexlesรูปที่ 3 จาก Nagative Space/pexlesรูปที่ 4 จาก Oladimeji Ajeqbile/pexlesรูปที่ 5 จาก Ivan Samkov/pexlesอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !