ปีหน้าเป็นปีที่หลายสำนักข่าวต่างพูดกันว่าเศรษฐกิจจะแย่มาก เราจะเริ่มเห็นสัญญาณเหล่านั้นตั้งแต่ปีนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงงานทยอยปิดตัวลงในต่างประเทศรวมถึงในประเทศไทยที่เริ่มเห็นข่าวหลายบริษัทเริ่มจ้างพนักงานให้ออกแล้ว สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังปรับตัวรับกับเศรษฐกิจที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในปีหน้า ผมมี 5 เทรนด์ที่ผู้ประกอบการควรต้องรู้สำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่ปี2020 1. การเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจของตัวเอง ด้วยความตึงเครียดทางด้านการเมืองจากหลายๆประเทศทั่วโลกและเศรษฐกิจที่ดูจะถดถอยลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆคนค่อนข้างที่จะรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่กล้าเล่นนอกเกมเป็นสองเท่าตัว โดย คุณลี เหนเดอร์สัน EY America Growth Markets Leader ได้กล่าวว่า บริษัทควรที่จะลงไปดูในส่วนคู่ค้า ผู้ขายรายย่อย งบประมาณและการดำเนินงานทางธุรกิจ มีโอกาสที่ผู้ประกอบการจะสามารถมองหาโอกาสในการเติบโตได้อยู่ จากข้อมูลของEY data ระบุว่า 67% ผู้ประกอบการมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ มากกว่าหัวหน้าหรือผู้นำที่อยู่ในบริษัทขนาดใหญ่อยู่ที่ 19% เอง 2.สตาร์ทอัพแบบอุตสาหกรรมเฉพาะ จะเห็นการเติบโตได้ดีที่สุด โดย ซีอีโอของบริษัท Uptake " แบรต คีย์เวล" กล่าวว่าโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไม่สามารถหาเจอได้ในธุรกิจทั่วๆไป อย่างบริษัทใหญ่ๆอย่าง อเมซอน ( Amazon )จะทำได้ดีในเรื่องของการส่งต่อคุณค่าผ่านทางเทคโลโลยีไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไปของตลาด โดยแบรตยังเสริมอีกว่า อเมซอนจะไม่ไปลงเล่นในตลาดเฉพาะ(Niches market ) ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและกลาง ที่สามารถปรับตัวและเคลื่อนตัวได้เร็วกว่าบริษัทใหญ่ๆ 3. พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ผู้ประกอบการทั่วไป หลายคนประสบปัญหาว่ามีไอเดียที่ดีแต่ไม่มีความรู้ในการทำแผนธุรกิจให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งการมองหาพาร์เนอร์ที่จะเข้ามาเติมเต็มด้านที่ตัวเองไม่ถนัดก็เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยTodd Buelow ผู้ก่อตั้ง Dualboot Partners กล่าวว่า ผู้ประกอบการทั่วไปจะเชื่อที่จะให้คนนอกเข้ามาช่วยธุรกิจในด้านของเทคเพื่อช่วยให้ธุรกิจในฝันเกิดขึ้นได้จริงเร็วขึ้น เหตุผลเพิ่มเติมก็คือว่าสายเทค(Tech export)หลายคนในปัจจุบันเริ่มผันตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการมากขึ้นซึ่งคนเหล่านี้มีทักษะการสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นที่ต้องการพาร์ทเนอร์มาช่วยในด้านที่ไม่ถนัดอย่างการขายและการตลาด 4.การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธภาพในการดำเนินงานสูงสุด การหาเครื่องมือที่ช่วยประหยัดและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึงแม้ว่าจะมีแหล่งข้อมูลแบบจำกัด โดยเฉพาะการทำงานที่เป็นทีมแล้วที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ที่นอกจากจะทำให้เพิ่มโอกาสการเติบโตแล้วก็ยังช่วยเรื่องของการการรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้อยุ่ภายใต้การควบคุมได้อย่างดี 5. บริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมในองค์กรมากขึ้น เมื่อบริษัทโตนั้นหมายความว่าเราก็ต้องการพนักงานมากขึ้นเพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากยอดขายและผลประกอบการที่เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจแล้ว การพัฒนาบุคลากรในบริษัทของตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การสร้างวัฒนธรรมที่ดีในบริษัทที่ซึ่งจะทำให้พนักงานอยากอยู่กับคุณไปนานๆ ลงทุนในการพัฒนาส่วนบุคคลกับพนักงานของคุณ ฟังเสียงของพนักงานของคุณให้มากขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมในการทำงาน ยืดหยุ่นในส่วนที่สามารถทำได้เพื่อลดความตึงเครียด รวมไปถึงการประเมินการทำงานซึ่งจะมีผลต้องแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นอยากให้มองในภาพรวมที่มีทั้งเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยทั้งรักษาสถานการณ์ของผู้ประกอบการในปีหน้าที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วก็ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัทหรือธุรกิจของคุณรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ในปีหน้านี้อีกด้วย รูปหน้าปกบทความ photo by olga serjantu on Unsplash