ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดนี้อยู่เสมอว่า “หลังสายฝนพรำ ย่อมมีรุ้งงาม และท้องฟ้าที่สดใสเสมอ” อันเป็นคำเปรียบเปรยโดยนัยที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนเราว่าเมื่อผ่านพ้นอุปสรรคหรือเรื่องอันแล้วร้ายมาแล้วย่อมที่จะมีวันที่ชีวิตได้พบเจอกับเรื่องราวดี ๆ อยู่เสมอ แต่หากมองถึงความหมายโดยตรงแล้ว ใช่ครับ เมื่อสายฝนที่พรั่งพรูได้หยุดโปรายปรายจางหาย ท้องฟ้าย่อมปราศจากเมฆครึ้ม พร้อมแสงแดดที่ทอแสงตัดละอองน้ำปรากฏเป็นรุ้งงามหลากสี ธรรมชาติป่าเขาได้กลับฟื้นคืนความเขียวขจีอีกครั้ง อันเป็นพลังดึงดูดที่มีเสน่ห์ยวนเย้าให้นักดินทางที่หลงใหลในสีเขียวได้ออกเดินทางตามล่าธรรมชาติของสีเขียวเพื่อเติมพลังชีวิตให้สดชื่น อรุณสวัสดิ์กับเช้าวันที่ 3 ของการเดินทางกับทริปตะลอนทัวร์ล่าสีเขียวเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย กับเส้นทางที่ผมคิดว่าน่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจและแตกต่างให้กับใครที่อยากจะเดินทางตามเส้นทางของผมบ้างในโอกาสที่เหมาะสม ด้วยฝนที่ได้โปรยปรายชุ่มฉ่ำตลอดคืนหลังจากที่ผมได้เข้าที่พักแล้ว ทำให้นอนหลับสบายคลายเหนื่อยพร้อมที่จะเดินทางยาวเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ เช้านี้ จึงเป็นเช้าที่โชคดีมากครับเพราะผมได้เก็บภาพท้องทุ่งนาสีเขียวสุดกว้างไกลภายในบริเวณที่พัก “ฝางโมเดิร์น” พร้อมด้วยลำแสงสีรุ้งที่ปรากฏสมบูรณ์เป็นวงโค้ง 180 องศาโอบคลุมรีสอร์ทที่พักให้ในมุมมองพาโนราม่าที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ ดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ของทุ่งนาลานกว้างในยามเช้าอยู่สักพักก็ได้เวลาเตรียมตัวเดินทางกลับเข้าเมืองเสียแล้ว ผมรองท้องด้วยอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้จนอิ่มหนำแล้ว ไม่สายมากนัก 9 โมงเช้าผมก็เดินทางจากอำเภอฝางตามถนนหมายเลข 1089 ต่อไปเพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอไชยปราการ โดยเมื่ออกจากที่พักมาไม่ไกลนัก ถนนด้านตรงข้ามจะปรากฏ “วัดศรีมงคล” ที่มีรูปปั้นครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในวัด ซึ่งบริเวณลานด้านบนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกแนวเขาดอยอ่างขางได้ แต่ช่วงที่ผมไปท้องฟ้าค่อนข้างปิดจึงมองไม่เห็น มีเพียงกลุ่มเมฆที่ลอยต่ำบดบังเสียสิ้น และสิ่งที่เป็น Unseen ของวัดที่ไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมและสักการะก็คือ พระนอนองค์ใหญ่ที่แกะสลักจากไม้สักทองต้นใหญ่ทั้งต้น ผมเดินทางมุ่งสู่ไชยปราการ โดยในขากลับนี้ ผมไม่ได้เลี้ยวตัดเข้าสู่อำเภอพร้าวทางถนนหมายเลข 1346 ที่จะมีทางแยกทางด้านขวามือก่อนถึงฮิโนกิแลนด์เล็กน้อย แต่จะมุ่งตรงต่อไปตามถนนหมายเลข 107 ผ่านอำเภอเชียงดาว ซึ่งช่วงที่ผ่านอำเภอเชียงดาวนั้นสภาพอากาศเริ่มไม่เป็นใจเพราะต้องเจอกลุ่มฝนขนาดใหญ่ตกโปรยปรายตลอดทาง จึงพลาดจุดชมวิวสวย ๆ ไปหลายจุดอย่างน่าเสียดาย จึงมุ่งหน้าลงใต้มาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่อำเภอแม่แตงเพื่อเก็บแต้มล่าสีเขียวกับจุดเช็คอินสุดท้ายของทริปนี้ที่ “สวนสนแม่แตง” แม้ต้นสนที่นี่จะไม่ใหญ่โตและมีจำนวนมากมายเหมือนสวนสนบ่อแก้ว อำเภอฮอด เนื่องจากเป็นแปลงสาธิตไม่ใช่สนตามธรรมชาติแต่บรรยากาศป่าสนที่นี่สวยงามไม่แพ้กันเลยครับ และสิ่งสำคัญเลยก่อนมาที่นี่เนื่องจากพื้นที่ป่าสนจะมีความชื้นซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าเหล่ายุงลาย ดังนั้น ควรทาหรือฉีดพ่นยากันยุงตามร่างกายกันก่อนเดินทางมาเที่ยวนะครับ สุดท้ายปลายทางของทริปนี้ สิ่งดี ๆ ที่ได้พบเห็น คือ ความแตกต่างของฤดูกาลมักจะซ่อนไว้ซึ่งความงดงามที่แตกต่างออกไปเช่นกัน การเดินทางท่องเที่ยวแม้จะต้องเดินทางไปบนเส้นทางที่ยาวไกลแต่ผลลัพธ์ที่ได้ พบว่าความเหนื่อยล้าที่คาดเดาว่าต้องพบเจอกลับถูกเติมเต็มและแทนที่ด้วยความสุขสงบและสดชื่นอย่างเต็มเปี่ยม นี่แหละครับเสน่ห์ของการเดินทาง ขอบคุณภาพประกอบการเดินทางทั้งหมดจากเพจนักเขียน Thip_Traveller