ที่มารูปภาพหน้าปก โดยผู้เขียนตำนานเรื่องเล่า พระเจ้าฝาง-พระนางสามผิว เป็นตำนานเกี่ยวกับเมืองฝาง เคารพบูชากราบไหว้ ที่คนล้านนาเล่าสืบต่อกันมา เรื่องราวมีอยู่ว่า ในสมัยนั้น เมื่อพญาเชียงแสนได้ครองเมืองฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีพระนามว่า “ พระเจ้าฝางอุดมสิน” มีชายาเป็นพระราชธิดาเจ้าเมืองล้านช้างว่า “พระนางสามผิว” พระนางทรงมีพระสิริโฉมงดงามมาก ในหนึ่งวันผิวของพระนางจะเปลี่ยนไปถึงสามสีต่อวัน คือ เวลาเช้าผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง เวลาเที่ยงผิวพรรณสีชมพูอ่อน เวลาเย็นสีผิวของพระนางจะเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะเหตุนี้พระนางจึงได้นามพิเศษว่า พระนางสามผิว จากผิวที่งดงามผุดผ่องของพระนางสามผิวทำให้เป็นที่เล่าลือกันว่า พระเจ้าฝางมีพระมเหสีที่สวยงามยิ่งนัก ไม่มีใครงามเท่าจนข่าวนี้ถึงหูของพระเจ้าสุทโธธรรมราชากษัตริย์ของเมืองพม่า พระเจ้าสุทโธธรรมราชาอยากเห็นด้วยสายตาตัวเองจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าต่างแดน(ย่างกุ้ง)เข้ามาขายยังเมืองฝางแล้วทูลเข้าถวายเนื้อผ้าชั้นดีเพียงเพื่อ จะได้ยลโฉมของพระนางสามผิวว่างามเพียงใด เมื่อกษัตริย์พม่าได้เห็นดังนั้น ก็หลงรักพระนาง ครั้นกลับไปเมืองพม่าทรงคร่ำครวญถึงแต่พระนาง คิดว่าจะมาขอสู่พระนาง ก็มีสวามีแล้ว จึงคิดหาวิธีที่จะได้พระนางสามผิวมาครอบครอง คือ ต้องทำการศึกชิงนาง ดังนั้นพระสุทโธธรรมราชา จึงเตรียมกองกำลังพลทหาร นำกองทัพมาทำสงครามกับพระเจ้าฝางเป็นเวลาสามปี จนทำให้พม่าปิดล้อมเมืองฝางไว้ไม่ให้ชาวบ้านได้ออกไปทำมาหากิน มีความอดยาก เสบียงอาหารที่มีอยู่ก็หมดในที่สุด เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น พระเจ้าฝาง-พระนางสามผิว ทรงตะหนักว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากทั้งสองพระองค์เอง ดังนั้นทั้งสองพระองค์จึงตัดสินใจแก้ปัญหา ด้วยการกระโดดน้ำบ่อที่มีความลึกสูง 20 วา ปลงพระชนม์ชีพเองเพื่อรักษาชีวิตชาวเมืองและบ้านเมืองของตน เมื่อพระเจ้าสุทโธธรรมราชาทรงทราบเรื่องพระองค์ทรงเสียใจมาก จึงได้ยกทัพกลับบ้านเมืองของตน และเมืองฝางก็ไม่ได้ถูกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ประชาชนเห็นว่า พระเจ้าฝาง-พระนางสามผิว ได้สละพระชนม์ชีพเพื่อรักษาบ้านเมืองไว้ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ ไว้ที่น้ำบ่อซาววา ซึ่งอยู่หน้าวัดพระอุดม ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และ มีประเพณีบวงสรวง เดือนเก๋าพระเจ๋าฝาง-พระนางสามผิว ทำเป็นประจำทุกปี และนอกจากนี้ยังให้ผู้คนที่เดินทางผ่านมาเห็น ได้มาสักการะ กราบไหว้บูชา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่ศักดิ์สิทธิ์ ร่มเย็น มีศาลาพักใจ และลานด้านน้ายังมีสถานที่ออกกำลังกาย มีสวนสาธารณะ นี่จึงเป็นที่มา “น้ำบ่อซาววา”ที่มารูปภาพ โดยผู้เขียน