การหุงข้าวด้วยใช้หลักการของเเม่ ที่เราทุกคนน่าจะเคยได้เห็นหรือได้เคยลองทำกันมาอย่างเเน่นอน สำหรับทฤษฏีเเม่ กับการหุงข้าวด้วยน้ำหนึ่งข้อมือ หลายคนคงเห็นภาพกันเเล้วใช่ไหมครับ มันคือวิธีที่ใช้ในการหุงข้าวที่บอกต่อๆ กันมาจากเเม่สู่ลูก เป็นรุ่นๆ กันเลยทีเดียว เป็นทฤษฏีที่ทำให้การหุงข้าวนั้นง่ายมากๆไปเลยใครก็สามารถทำได้ เเถมยังได้ข้าวที่สุกกำลังดี เหมาะกับ กับข้าว ที่ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด เเกง ทอด เเล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า ความพิเศษนี้มันคืออะไรกันเเน่ มันอธิยายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ สำหรับบทความนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันครับ เเละหากจะว่ากันด้วยหลักการ หรือทฤษฏีทางวิทยาศาตร์เเล้วละก็ หลักการ หรือทฤษฏีผมคิดว่าน่าจะใกล้เคียงที่สุดในการนำมาอธิบาย ทฤษฏีของเเม่นี้ ได้นั้นก็คือ ทฤษฏีความบังเอิญ ใช่เเล้วครับ ความบังเอิญไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างในทางวอทยาศาสตร์ล้วนเเล้วมักเเต่เกิดจากความบังเอิญ การเรียนรู้ที่เกิดจากความบังเอิญกับการหุงข้าวด้วยน้ำหนึ่งข้อมือก็เช่นกัน เกิดจากความบังเอิญที่อัตราส่วนของข้าวที่ใช้หุงกับน้ำ ที่ใช้หุงนั้นมันพอดีเป๊ะทำให้ได้ข้าวที่สุกกำลังดี ประกอบกับปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อด้วย เช่น พันธุ์ข้าว อัตราส่วนระหว่างข้าวกับน้ำที่ใช้นั้นมันพอดีกัน เป็นต้น เเต่ว่าหลักการ หรือทฤษฏีนี้ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกคน หรือกับข้าวทุกพันธุ์บนโลกใบนี้ เนื่องด้วยอัตราส่วนของน้ำที่ใช้กับข้าวเเต่ละสายพันธุ์ไม่กันนั้นเอง ข้าวเเต่ละสายพันธุ์มีสารที่เรียกว่า อะไมโลส ไม่เท่ากันทำให้ใช้น้ำในการหุงไม่เท่ากัน ประกอบกับอีกหลายๆ ปัจจัยที่ก็ส่งผลหลักการ หรือทฤษฏีใช้ไม่ได้ในทุกประเทศ เช่นข้าวบางสายพันธุ์อาจจะต้องเเช่ก่อนจะนำไปหุง หรือเเม้เเต่ข้าวบางผลิตภัณฑ์ก็อาจจะมีข้าวมากกว่าสองสายพันธุ์ผสมกัน ดังนั้นการหุงข้าวให้สมบูรณ์เเบบนั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของเเต่ละคน ที่มาภาพ pexels ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3