เนื่องจากเราไปเที่ยวบนยอดดอยอินทนนท์ เดินป่า เส้นทางกิ่วแม่ปานกันมาแล้ว ทริปนี้เลยจะมาเจาะลึกที่เที่ยวอื่นๆบนดอยอินทนนท์ และ ขาลงจากดอยจะลงทางเส้นแม่วาง เพื่อแวะเที่ยววัดหลวงขุนวิน กัน เลยได้เป็นทริปนี้ เรามาเที่ยวกันกลางเดือน พย. เริ่มออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ 6.15น. แวะปั๊มแถวอ.หางดง เพื่อ ซื้ออาหารเช้าแบบง่ายๆ มากินกันในรถ แล้วก็เดินทางต่อไปตามถ.เชียงใหม่-ฮอด มุ่งสู่ดอยอินทนนท์กันเลยมาถึงด่านแรก ช่วงนี้ปล่อยผ่าน คงจะให้ไปคิดเงินที่ด่าน 2 เลย แต่เราไปไม่ถึงด่าน 2 เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเสียค่าผ่านด่าน โทรถามที่เบอทุ่งไฮเดรนเยียสวนคุณทองดี 089 998 4624 เขาบอกว่า ขับผ่านกม. 27 มาแล้วจะเจอสะพานมีป้ายบ้านผาหมอน ให้เลี้ยวขวา ตรงสะพานเลย ขับมาอีก 3-4 กม. จะเจอจุดจอดรถ แต่พอขับจริงรู้สึกเลยกว่า 3-4 กม.ที่เขาบอก แต่ก็ลืมวัด แต่จริงๆน่าจะเป็น 7-8 โลได้เพราะรู้สึกว่ายังไม่ถึงซักที ต้องคอยโทรถามเขา เขาก็บอกให้ไปต่อ จนถึงจุดจอดรถจนได้ ไปถึง ต้องรอรถชาวบ้าน ลงมา ประมาณ 15 นาที ทั้งที่เราโทรถามเขาตลอด คือเขารู้ว่าเราอยู่จุดไหน แสดงว่า ใครจะมา ต้องคอยบอกเขาว่าเราใกล้ถึงแล้ว เขาจะได้กะเวลาให้รถชาวบ้านลงมารับพอดีจุดจอดรถ ค่าจอด 30 บาท ที่จุดจอดรถกำลังสร้างห้องน้ำ เขาบอกจะเสร็จวันนี้พอดีรถมารับเป็นรถกะบะ คิดค่ารถคนละ 50 บาท (ไป-กลับ ระหว่าง ที่จอดรถ กับ ทุ่งไฮเดรนเยียสวนอินทนนท์-คุณทองดี) จ้า นั่งรถกะบะไปต่ออีก 4 กม. ถนนขุรขระ นั่งโยกไปเยกมา ใครเมารถ ควรกินยามาล่วงหน้า ค่ารถ 50 บาทคุ้มมาก เพราะถนนไม่ดี ถ้าเอารถมาเองอาจต้องเปลี่ยนโช้ควิวระหว่างทาง นั่งรถกระบะประมาณ 15-20 นาที ก็มาถึงจนได้ ทุ่งไฮเดรนเยียอินทนนท์-สวนคุณทองดี พิกัดค่าเข้าชมสวน คนละ 50 บาทค่าเช่าตะกร้า 20 บาทที่นี่มีห้องน้ำสะอาดบริการว้าวๆ มาถึงสวนสวยเลยทีเดียว ดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง (ช่วงที่มา บางดอกก็เริ่มโรยแล้ว) กับแบ็คกราวด์เป็นภูเขาสวยมากๆ แต่เสียดายที่แสงจ้าไปหน่อย คือมาถึงสายมากแล้ว คือออกจากเชียงใหม่ 6.15น. กว่าจะถึงปั๊ม ที่อ.หางดง ประมาณ 6.45น. แวะนานประมาณ 35 นาทีได้ แปลว่าน่าจะออกเดินทางจากปั๊มตอน 7.20น. แล้วกว่าจะเดินทางมาและขึ้นดอยมา ถึงที่จุดจอดรถ น่าจะ 9.20น. รอรถกระบะมารับ 15 นาที และนั่งรถกระบะมาที่สวน น่าจะ 20 นาที แปลว่าเราน่าจะถึงที่สวนราวๆ 10.00 น.ได้ พอดีลืมดูเวลา ถ้าใครอยากได้แสงเช้ากว่านี้ น่าจะมาค้างบนดอยมากกว่า ไม่งั้นน่าจะต้องออกจากเชียงใหม่ ตี 4 น่าจะมาถึง 8 โมงเช้าพอดี และคนขับรถกระบะที่มารับบอกว่าที่นี่มีโฮมสเตย์ด้วย หรือจะมากางเต๊นก็ได้ในสวนมีทำ ระเบียงไม้ ให้ขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงได้ เราใช้เวลาถ่ายรูปที่สวนน่าจะสัก 45 นาทีได้จากนั้น รถกระบะออกมาส่งที่จุดจอดรถ แล้ว เราก็ขับออกไปทางเดิม แล้วขึ้นไปตามทางขึ้นดอยต่อ เพื่อไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน ป้าแก้ว วชิรธาร ใบบัวสเต๊กเฮ้าส์ มาถึงมีลูกค้านั่งหลายโต๊ะ แสดงว่าอร่อยใช้ได้ ที่ร้านมีหน้าเมนูอาหารมังสวิรัติด้วย แสดงว่า คงมีคนมากินเยอะพอควรนั่งกินแป๊บเดียว มีรถตู้มาส่งคณะทัวร์จากสิงคโปร์อีก 3 โต๊ะ คือ คนเต็มร้านเลย แสดงว่าร้านนี้เป็นที่นิยมของคณะทัวร์พอสมควร ทัวร์เขาสั่งอาหารและจองโต๊ะไว้แล้ว พอนักท่องเที่ยวมาถึง อาหารก็มาเสิฟเลย สะดวกรวดเร็วดี อิ่มแล้ว ไปต่อกันที่ กาแฟสมศักดิ์ โถ่บิเบ coffee by somsak พิกัดลุงสมศักดิ์ เจ้าของร้านกาแฟใจดี ต้มกาแฟไว้รอนักท่องเที่ยวมาชิมได้ฟรี มีชาคาโมมายล์ให้ชิมด้วย มีกลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่งมาชุมนุมที่นี่หลายคน ตรงจุดนี้มีห้องน้ำแบบส้วมซึมด้วย แต่เหม็นกลิ่นฉี่อ่า เรามาที่นี่ เพราะเป็นจุดที่ติดต่อนัดไกด์ท่องถิ่นไว้ สำหรับนำเดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยวนั่งจิบกาแฟ รอไกด์ซัก 15 นาที ไกด์ก็มา เราก็พร้อมเดินป่ากันเลยเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว พิกัดจริงๆช่วงนี้ เส้นทางนี้ปิดปรับปรุ่ง ตรงทางเข้าหลัก นักท่องเที่ยวเลยต้องมานัดพบไกด์เพื่อเริ่มเดินที่ร้านกาแฟสมศักดิ์แทน ค่าเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 20 บาทต่อ 1 กลุ่ม มีไม้ค้ำยันให้ใช้ด้วยค่าไกด์ 200 บาทต่อ 1 กลุ่ม (กลุ่มละไม่เกิน 10 คน) จ่ายให้ไกด์ได้เลยตอนเดินเสร็จเส้นทางนี้ ไกด์จะให้นักท่องเที่ยวเลือกว่า จะไปเส้นทางชันแต่ร่มอยู่ในเงาไม้เป็นส่วนใหญ่ หรือ จะไปเส้นทางไม่ชัน แต่แดดส่อง (ถ้าไปช่วงบ่ายเดือน พย.อย่างเราก็แดดส่องหลัง) แน่นอนจ้า กลุ่มเราเลือกเส้นทางชันแต่ร่ม 555 คราวนี้ได้ดูนาฬิกาแล้ว เริ่มเดิน 13.12น. พอดีเป๊ะ เป็นเส้นทางที่เดินได้สบายๆ มีช่วงที่ผ่านหุบเขา เห็นวิวทุ่งนามีภูเขาเป็นแบ็คกราวน์สวยงาม และมีช่วงเดินขึั้นแบบไม่ชัน ส่วนช่วงที่ชันมากหน่อยก็มีแค่ช่วงสั้นๆ ก็มีลิ้นห้อยเล็กน้อย แต่เราก็สามารถพักได้ตลอดตามต้องการขนาดคนไม่ออกกำลังกายอย่างเรายังมาได้สบายๆ ถือว่าเป็นเส้นทางเดินป่าที่เดินง่ายเลยทีเดียว ดูเวลา ตอนเดินเสร็จ คือ 15.12น. ก็คือใช้เวลาเดิน 2 ชม.พอดีเป๊ะืไกด์บอกว่า ถ้าคนเดินเร็วและไม่คอยพัก ก็ใช้เวลาแค่ ชม.กว่าๆ สรุปคือ ประทับใจเส้นทางนี้ ถ้ามีโอกาสจะมาเดินอีกรอบแน่นอนจ้า กลับมาพักที่ กาแฟสมศักดิ์เหมือนเดิม ไกด์พาไปชมร้านขายเสื้อพื้นเมืองใกล้ๆกัน เล็กน้อย แล้วพวกเราก็จ่ายค่าไกด์เป็นอันเสร็จจากนั้นเดินทางต่อ ไปหาที่พักตามทางผ่าน แวะไปถามที่แรก ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง แล้วมีห้องว่างพอดี เลยเข้าพักเลยศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง พิกัดตอนถามเรื่องห้องว่าง รออยู่นาน 15-20 นาทีได้ พอจนท. มาบอกว่ามีห้อง และเจรจาเรื่องราคาห้องกับหัวหน้าให้เรียบร้อย ถึงรู้ว่า มิน่า ถึงรอนาน ที่เขาต้องเจรจาให้เพราะที่นี่เขาเปลี่ยนนโยบายเป็น ต้องเข้าพัก 6 คนต่อหลังเท่านั้น ในราคาหลังละ 2100 บาท ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นแบบ เหมาพักทั้งหลัง มากี่คนก็ได้ ซึ่งจนท.จะขายง่ายกว่าขอบคุณเจ้าหน้าที่มากๆที่เจรจาให้ พัก 4 คนได้ในราคา 1000 บาท สรุปค่าเข้าพัก คนละ 250 บาทเองที่นี่เป็นที่เดียวกับ ที่เรามาดูดอกพญาเสือโคร่งที่จะบานแค่ประมาณ 10 วันช่วงเดือน มกราคม ของทุกปี ห้องพัก ด้านนอก มี 3 เตียง และมีห้องด้านในอีก 3 เตียง และ มี 1 ห้องน้ำ มีน้ำอุ่น แบบ อุ่นมากจนเกือบร้อน ให้อาบแบบสบายๆในความหนาว เตียงนอน มี ผ้าห่มบางและผ้าห่มหนาให้อย่างละผืน แต่ลองห่มแล้ว ปรากฏว่าผ้าห่มบางอุ่นกว่า จากนั้นพวกเราแวะมาซื้ออาหารเย็น ตามร้านข้างทางในหมู่บ้านที่ขับผ่านตอนขามา ส่วนใหญ่ร้าน ไม่มีอาหารตามสั่ง เพราะเย็นมากแล้ว แต่จะมีพวกลูกชิ้นทอด กับมาม่าคัพขาย ถามว่า ทอดไข่ดาวให้ได้ไหม คุณลุงเจ้าของร้านใจดีมาก ทอดให้เลย จากนั้น เราก็เอาของกินกลับมากินที่ห้อง เนื่องจากสภาพห้องค่อนข้างเก่า มีอุปกรณ์ชำรุด เช่น ทีวีดูไม่ได้ กลอนล็อคไม่ได้ ห้องน้ำค่อนข้างโทรมไปหน่อย แต่ก็โอเค อยู่แค่คืนเดียว กับราคานี้ จนท.บอกว่า ถ้าช่วง ดอกพญาเสือโคร่งบาน คนต้องจองมาล่วงหน้าแบบเสี่ยงดวงเอา เพราะไม่มีใครรู้ว่าปีนั้นๆ ดอกจะบานช่วงวันที่เท่าไรแน่ บางคนจองมา 3 รอบ พลาดทั้ง 3 รอบ ตอนเช้า พวกเรา รอจนท. มา 8 โมง ก็ทำการเช็คเอ๊าท์ แล้ว มุ่งหน้าไปตามเส้น อ.แม่วาง เพื่อไปที่จุดเปลี่ยนรถขึ้น วัดหลวงขุนวินจุดเปลี่ยนรถขึ้น วัดหลวงขุนวิน โทรถามเส้นทางได้ที่ 092 712 5043ตรงจุดนี้มีร้าน อาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวในร้านเดียวกัน พวกเราเลยฝากท้องที่ร้านนี้ จะเอาเมนูอะไรให้เขียนนะจ๊ะ เพราะแม่ค้า หูไม่ค่อยได้ยินจ้า ตรงนี้ เขาให้เข้าห้องน้ำในวัดได้เลย ซึ่งห้องน้ำสะอาดมาก เป็นรถกะบะ คิดค่ารถ ไป-กลับ จากจุดขึ้นรถ ไป วัดหลวงขุนวิน 800 บาท ต่อกลุ่ม (กลุ่มไม่เกิน 12 คน ถ้าเกิน จะมีบวกเพิ่มเล็กน้อย) ระยะทางขึ้นไปวัดหลวงขุนวิน คนขับบอกว่า 10 กม. จับเวลาเดินทางได้ที่ 35 นาทีค่ารถ 800 บาท ถือว่าคุ้มมาก เพราะถนนขุรขระ นั่งโยกเยก หัวสั่นหัวคลอนตลอดเส้นทาง คนขับต้องใช้ความชำนาญ และ บีบแตรตลอดเส้นทาง เผื่อมีรถสวน เพราะถนนแคบ วัดหลวงขุนวิน พิกัดพอไปถึง คนขับไปส่ง ตรง ศาลาที่ให้ญาติโยมมารอกราบหลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ ท่านเจ้าอาวาส ที่ท่านย้ายมาจากวัดสังฆทาน จ.นนทบุรี ท่านมาบูรณะวัดในป่าแห่งนี้จนงดงาม จนจังหวัดตั้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โชคดี ตรงจุดขึ้นรถ มีกล้วยน้ำว้า ขาย หวีละ 20 บาท เลยซื้อมาถวายพระและแม่ชี มาตอนท่านฉันเสร็จพอดี เลยรอไม่นาน พระที่นี่ ฉันแค่วันละ 1 มื้อเท่านั้น ไฟฟ้าที่นี่ ใช้ไฟจากโซลาเซล หลวงพ่อจรัญ ท่านมารับของถวาย และพูดคุยให้ธรรมะกับญาติโยมด้วย ถ้ามีเวลา น่าสนทนาธรรมกับท่านต่อ แต่ท่านเห็นพวกเรารีบ เลยให้ธรรมะสั้นๆ จากนั้น ก็เดินชมวัด ไปถ่ายรูปจุดไฮไลท์ คือวิหาร 2 วิหาร ที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปไม้แกะสลักงดงามวิจิตรยิ่งนัก เป็นพระยืน และ พระนอน แกะจากไม้จำปา ยืนต้นตาย ต้นเดียวแกะได้พระพุทธรูปขนาดใหญ่ถึง 2 องค์ อเมซิ่งจริงๆห้องน้ำในวัดสะอาดมาก และ เป็นส้วมโถ แบบ ไปนั่งแล้ว สบายมากๆ สบายกว่าตอนนั่งที่ที่พักเมื่อคืนอีก หลวงพ่อจรัญบอกว่า ที่วัดจ้างชาวบ้านมาช่วยทำความสะอาดให้ ถ่ายรูปจนพอใจ ก็กลับมาขึ้นรถ ที่คนขับรออยู่ หน้าวัด พอมาถึง จุดเปลี่ยนรถ ก็จ่ายเงินค่ารถ วะซื้อกล้วยปิ้ง ตรงร้านที่จุดเปลี่ยนรถ มากินกันในรถ พอออกมา ก็เสิจหา ร้านอาหารกัน ว่าจะไปกินร้านไหน แต่ขอให้เป็นทางผ่าน ก็ได้ร้านนี้มา ภูไพรพรรณ kitchen and organic farm พิกัดร้านกำลังเริ่มปลูกดอกทานตะวัน อยู่ด้านข้างโซนนั่งทานอาหาร ถ้าดอกบานแล้ว คงทานไปชมไปได้แบบเพลินๆ เห็นเมนู ส่วนใหญ่ เป็นอาหารฝรั่ง พวกเราเลยลองสั่งพิซซ่า มาทาน เป็นหน้า มังสวิรัติกับหน้าฮาวายเอี้ยน รสชาติอร่อยเลยทีเดียว เพราะเป็นแบบแป้งบาง ที่เราชอบอยู่แล้ว แล้วก็สั่ง ขนมหวานพวก บัวลอยกะทิ กับเค้ก และชาเขียว (ไม่ใช่มัทฉะ) มาทาน เช็คบิลที่ 765 บาท กิน 4 คน ปิดทริปด้วยความอิ่มเอม เครดิตภาพถ่ายในบทความ : ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !