"พี่คะ หนูอยากไปป่าบงเปียงมากเลยค่ะ มันสวยมาก" "เอาสิ พี่ก็อยากไปอยู่ ช่วงหยุดยาวเป็นไง" จุดเริ่มต้นทริปของเราเกิดจากบทสนทนาสั้นๆ บนรถระหว่างเดินทางกลับบ้าน เรารวมรวบสมาชิกได้มาทั้ง 3 คน ตอนแรกเราวางแผนเดินทางโดยรถไฟ แต่ติดปัญหาเรื่องเวลาเพราะไปได้แค่ 3วัน2คืนเท่านั้น ประจวบกับน้องเล็กประจำทริป ไม่เคยนั่งเครื่ องบินมาก่อน เราจึงออกทางไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินกัน แผนเที่ยวของเราคือนอนที่ป่าปงเปียง 1 คืน คืนที่ 2 กลับพักที่โฮสเทลในตัวเมืองเชียงใหม่ และวันที่ 3 เดินทางกลับกรุงเทพในช่วงเย็น ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่พร้อม ที่พักพร้อม คนก็พร้อม งั้นไปกันเลย สำหรับการเดินทางไปป่าบงเปียงให้ขึ้นรถสองแถวจากเชียงใหม่ มาที่ คิวรถอำเภอจอมทอง ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. และให้มาต่อรถสองแถว จอมทอง – แม่แจ่ม จะลงตรงไหนแจ้งคนขับเลยค่ะ แต่พวกเราโชคที่ที่เจ้าของที่พักลงมาทำธุระในตัวเมืองเชียงใหม่พอดี เลยให้พวกเราติดรถไปด้วย ระหว่างทางขึ้นไปแม่แจ่มคดเคี้ยวมาก ถ้าใครเมารถง่าย แนะนำให้กินยาแก้เมารถเผื่อไว้นะคะ สำหรับที่พักป่าปงเปียง เราพักกันที่บ้านระเบียงนาค่ะ ถ้าจำไม่ผิด มีที่พักทั้งหมด 3 หลังค่ะ มีหลังใหญ่ 1 หลัง รับรองคนได้ประมาณ 10 คน อีก 2 หลังเป็นบ้านพักไม้หลังเล็ก พักได้ 2-3 คน ราคาเข้าพักคนละ 500 บาท พร้อมอาหาร 2 มื้อเย็นและเช้า มีไฟฟ้าโซลาร์เซลส์ให้ใช้ทีระเบียงและอีกดวงที่ห้องน้ำ หลังจากพักจนหายเหนื่อย เราออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกันค่ะ เดินลงเขา ลัดเลาะท้องนา ข้ามคันนา ชมวิว ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้านจริงๆ ถ่ายรูปกันได้สักพัก ท้องเริ่มร้อง กลับที่พักไปเติมพลังกันดีกว่า กลับจากเดินเที่ยวชมทุ่งนาก็มีสำรับอาหารวางรอไว้อยู่ตรงระเบียงบ้าน อาหารธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดา ตกดึก เปิดเพลงฟัง นั่งมองดาวบนท้องฟ้า เราตั้งใจว่าจะรูปทางช้างเผือก แต่โชคไม่ดี วันนั้นฟ้าปิด มีเมฆบัง แบกขาตั้งกล้องมาเก้อเลยเรา เช้าวันใหม่เราตื่นกันแต่เช้า นั่งชมทะเลหมอก และรอเวลาเที่ยวรถกลับไปตัวเมืองเชียงใหม่ ภาพนาขั้นบันไดทุ่งนาสีเขียวสวยสดสลับกับทิวเขาดอยอินทนนท์ พร้อมแสงอาทิตย์แรกแย้มของวัน สวยงามประทับใจ ถึงเวลา 10 โมง ได้เวลาร่ำลา ออกเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่