"พระธาตุโฆ่ว์โพหลู่" จุดชมวิว Unseen ณ ดอยกัลยา ถ้าพูดถึงอำเภอที่ไกลที่สุด และเดินทางไปยากลำบากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ จะต้องมีคนนึกถึงชื่อของอำเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นลำดับต้น ๆ การเดินทางไปอำเภอกัลยาณิวัฒนา หรือชื่อเดิม อำเภอวัดจันทร์ มีสองเส้นทางให้เลือก เส้นทางแรก มีระยะทางประมาณ 154 กิโลเมตร ไปทาง อำเภอสะเมิง - กัลยาณิวัฒนา เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ค่อนข้างแคบ และเปลี่ยว แต่มีความคดโค้งน้อยกว่า เส้นทางที่สอง แม่แตง - ปาย - กัลยาณิวัฒนา ซึ่งเป็นถนนที่ปรับปรุงใหม่ กว้างกว่าแต่มีปริมาณรถมาก และต้องผจญกับโค้งมหาโหด กว่า 750 โค้ง บนระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร ใครที่ไม่ชินกับการนั่งรถทางโค้ง เชื่อว่าได้แวะที่จุดพักอ้วกอย่างแน่นอน ด้วยระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ เมื่อไปถึงอำเภอกัลยาณิวัฒนา สิ่งแรกที่เราจะได้พบคือ ป่าสนเขียวขจีที่เรียงรายตลอดเส้นทาง เพราะพื้นที่แห่งนี้มีระดับความสูงจากน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป เป็นสภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของไม้ตระกูลสน จึงทำให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่าสนตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวมากแวะมาเยือน "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์" หรือ "ป่าสนวัดจันทร์" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดของอำเภอแห่งนี้ ภาพโดย : Kepler-22b นอกจากป่าสนวัดจันทร์แล้ว ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น วัดจันทร์ ซึ่งมี วิหารแว่นตาดำ ที่ไม่ควรพลาดชม ที่จริงแล้วเหตุผลของการสร้างวิหารในลักษณะนี้ เนื่องมาจากตัววิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยที่ประตูและจั่ววิหารด้านหน้าซึ่งสร้างด้วยไม้สักขนาดใหญ่นั้นได้ตีไม้จนสูงถึงหลังคาโดยไม่มีช่องรับแสง ทำให้ภายในวิหารค่อนข้างมืด ช่างจึงได้เจาะไม้บางส่วนที่จั่ววิหารออกเพื่อเป็นช่องรับแสง และมีเจตนาที่จะทำให้เหมือนดวงตา แต่หลังจากทำเสร็จ กลับมีลักษณะคล้ายแว่นตา ประกอบกับมีการนำกระจกมาใส่เพื่อช่วยกรองแสง จึงทำให้กลายเป็นที่มาของวิหารแว่นตาดำมาจนถึงปัจจุบัน ภาพโดย : Kepler-22b แต่ยังมีศาสนสถานอีกหนึ่งแห่งในอำเภอกัลยาณิวัฒนาที่น่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าน้อยคนจะได้ไปเยือน นั่นคือ "พระธาตุโฆ่ว์โพหลู่" ซึ่งเป็นภาษาปกาเกอะญอแปลว่า “ดอยเจดีย์น้อย” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "พระธาตุจอมแจ้ง” พระธาตุแห่งนี้ อยู่ห่างจากป่าสนวัดจันทร์ประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางที่จะออกจากตัวอำเภอไปตามถนนใหญ่ และจะมีป้ายทางเข้าเล็ก ๆ ชี้ให้เลี้ยวไปตามถนนดินลูกรัง ผ่านพื้นที่ป่าสนเข้าไปที่บริเวณพระธาตุอีกประมาณ 400 เมตร ภาพโดย : Kepler-22b พระธาตุโฆ่ว์โพหลู่ เป็นเจดีย์สีขาวองค์เล็ก ตั้งอยู่บริเวณริมเนินเขา ซึ่งชาวบ้านเล่าว่า เดิมเป็นองค์เจดีย์สีทอง แต่ได้ผุกร่อนลอกหลุดไปตามกาลเวลา บริเวณพระธาตุจะมีกุฏิพระสงฆ์ มีศาลาเล็ก ๆ สำหรับปฏิบัติธรรม ภาพโดย : Kepler-22b ภาพโดย : Kepler-22b จุดที่น่าสนใจ คือ บริเวณริมเนินเขาด้านหลังองค์พระธาตุ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของอำเภอวัดจันทร์ เมื่อมองลงไปจากตรงนี้ จะเห็นทุ่งนา ป่าสน ชุมชนและบ้านเรือนโดยรอบได้อย่างชัดเจน และในฤดูหนาว บริเวณนี้จะเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของอำเภอกัลยาณิวัฒนาเลยทีเดียว ภาพโดย : Kepler-22b ท่านใดที่ต้องการไปเยือนอำเภอกัลยาณิวัฒนา และกราบสักการะพระธาตุโฆ่ว์โพหลู่เพื่อเป็นสิริมงคล ท่านสามารถเลือกขับรถไปได้ตามเส้นทางทั้งสองเส้นที่แนะนำไว้ข้างต้น หรืออาจจะใช้วิธีการเดินทางเป็นวงกลม เพื่อที่จะแวะเที่ยวอำเภอปายด้วยก็ได้ แต่ถ้าต้องการเดินทางด้วยรถโดยสารเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ จะมีรถโดยสารสีเหลือง เชียงใหม่ - วัดจันทร์ ให้บริการที่ขนส่งช้างเผือกในอำเภอเมือง เชียงใหม่ ซึ่งรถจะวิ่งไปทางเส้นทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-แม่ริม) และเข้าสู่อำเภอสะเมิงที่ทางหลวงหมายเลข 1096 เพื่อมุ่งสู่อำเภอกัลยาณิวัฒนา โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 - 5 ชั่วโมง และจะมีพักรถประมาณ 30 นาทีที่ท่ารถในตัวอำเภอสะเมิง เวลาเดินรถเชียงใหม่ - วัดจันทร์ มีวันละสองรอบ ไป - กลับ คือ ออกจากเชียงใหม่ เวลา 09.00 และ 11.00 น. และออกจากวัดจันทร์ เวลา 07.00 และ 08.00 น. ค่าโดยสาร คนละ 160 บ. สำหรับที่พักในอำเภอกัลยาณิวัฒนา ท่านสามารถเลือกพักได้ทั้งรีสอร์ท เกสต์เฮ้าส์ และโฮมสเตย์ของชาวบ้าน หรือสำรองที่พักของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ ได้ที่ 053 - 215 981 เรื่องและภาพโดย : Kepker-22b (ผู้เขียน)