สวัสดีครับนักเที่ยวสายบุญทั้งหลาย วันนี้ผู้เขียนมีวัดดี ๆ มานำเสนออีกแล้วครับท่านวัดที่ว่านี้เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมภายในวัดสวยงามมากหากใครมีโอกาสผ่านไป ผ่านมาหากไม่ได้แวะวัดที่ว่านี้รับรองเลยว่าท่านจะพูดได้คำเดียวว่าเสียดายมาก ๆ วัดที่ผู้เขียนกำลังพูดถึงนี้คือ “วัดหนองพันเงิน (พระเจ้าเพชร)” ตั้งอยู่ที่ ตำบลยุหว่า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ครับ หลายอย่างในวัดมีจุดที่น่าสนใจ และอยากนำเสนอดังนี้ครับ จุดแรก ทางเข้าวัดท่านจะพบกับรูปปั้นที่ดูแปลกตา และผู้เขียนเชื่อว่าท่านไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อนอย่างแน่นอนรูปปั้นที่ว่านี้จะเป็นรูปกุมภัณฑ์ (ยักษ์) ถือหอกท่าทาง หน้าตาดุร้าย (ดูน่ากลัว) แต่ที่แปลกคือท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปจะเป็นสิงห์ครับ...ยืนอยู่สองฝั่งประตูทางเข้าด้านซ้าย-ขวา...ดูแล้วหวิว ๆ น่ากลัวชอบกล จุดที่สอง ประตูวัดด้านในจะมีรูปปั้นของสิงห์ สองตัวสีทองผสมดำยืนขนาบซ้าย-ขวาประตูทางเข้าตามตำนานของคนล้านนาเชื่อว่าสิงห์เป็นสัตว์ที่มีพลังอำนาจ เป็นเหมือนเทพที่ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องสิ่งชั่วร้าย ไม่ให้เข้ามารบกวนผู้อยู่ในเขตพุทธาวาสตรงนี้ผู้เขียนคิดว่าอาจจะเป็นกุสโลบายให้คนที่เข้ามาในวัดแล้วรู้สึกได้ถึงความอุ่นใจเสมือนว่าเข้ามาในวัดแล้วจะเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์สิ่งชั่วร้ายเข้ามารบกวนไม่ได้อะไรประมาณนั้นครับดูแล้วสวยงามและแฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ไปอีกแบบ.... จุดที่สาม อย่าลืมนะครับถ้ามีโอกาสผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเข้ามากราบขอพร เข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้ามาทำบุญได้ตามความสะดวก ขอบอกเลยว่าหากท่านพลาดแล้วจะพูดได้คำเดียวว่า เสียดายจริง ๆ เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ....ธรรมะสวัสดีครับรูปปั้นพุทธประวัติจุดนี้จะเป็นจุดรูปปั้นแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติเท่าที่ผู้เขียนทราบ และเห็นได้เป็นพุทธประวัติเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้แก่องคุลีมาลที่กำลังจะทำอนันตริยกรรม (กรรมหนัก) คือจะฆ่ามารดาของตนเพื่อที่จะตัดนิ้วไปทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอ (ครบจำนวน 1,000 นิ้ว) สุดท้ายต้องสยบกับพุทธวาจาและได้ดวงตาเห็นธรรมกับคำที่ว่า "เราหยุดแล้ว ท่านหละหยุดหรือยัง".... จุดที่สี่ ศาลาพระพุทธรูปปางปรินิพพานศาลาแห่งนี้จะมีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน มีพระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่สวยงามมาก (หลายท่านอาจจะเคยสงสัยว่าปางปรินิพพานกับปางไสยาสน์ต่างกันอย่างไร...ผู้เขียนก็เคยสงสัยครับแต่เอาเป็นว่าสังเกตง่าย ๆ ครับคือดูที่พระหัตถ์ถ้าพระหัตถ์ตั้งค้ำพระเศียรนั่งคือปางไสยาสน์แต่ถ้าพระหันต์เหยียดเรียบไปกับพื้นอันนั้นคือปางปรินิพพาน) ท่านทราบหรือไม่ครับว่าหลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ณ เมืองกุสินารา (ประเทศอินเดียในปัจจุบัน) เมืองนั้นก็กลายมาเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ตามพุทธประวัติที่มีการบันทึกไว้กล่าวว่าเหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบ ๆ สถูปใหญ่คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาสถูปนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น อย่าลืมครับมาแล้วก็มากราบขอพรกัน.... จุดที่ห้า หอธรรมหรือหอพระไตรปิฎกศิลปะแบบล้านนาจุดนี้จะมีหอพระไตรปิฎกเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาครับ มีสองชั้นด้านหน้าทางเข้าจะมีรูปปั้นเทพนมสององค์ยืนขนาบประตูทางเข้าซ้ายขวา ท่านทราบหรือไม่ครับว่าหอพระไตรปิฎกนี้มีไว้ทำไม....คืออย่างนี้ครับแต่เดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณชายไทย มักจะได้รับการศึกษาหรือแสวงหาความรู้จากครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าวัด เจ้าสมภาร คือ ความรู้ที่ได้ต่าง ๆ จะได้จากพระครับ เห็นหรือไม่ว่าเด็กวัดหลายคนอ่านออก เขียนได้ เป็นใหญ่เป็นโตในสมัยก่อน ๆ ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากวัดทั้งนั้น และวัดจึงเป็นที่มาของแหล่งสะสมความรู้ แหล่งถ่ายทอดความรู้ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ ตำรา ปั๊บสา (คัมภีร์ใบลาน/กระดาษสาของทางล้านนา) มีเยอะแยะมากมายซึ่งคัมภีร์เหล่านี้จะเก็บรวบรวมยอดวิชา (ประมาณว่าเคล็ดลับวิชาต่าง ๆ )ไว้มากมายผู้เขียนเข้าใจว่า จึงมีการสร้างหอพระไตรปิฎกขึ้นมาเพื่อเก็บคัมภีร์เหล่านี้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งน่าจะใช้เก็บพระไตรปิฎกจริง ๆ (เท่าที่ผู้เขียนเห็น) พระไตรปิฎกของคนล้านนา (คนทางภาคเหนือ) ส่วนมากจะมีทั้งที่บันทึกลงในปั๊บสา (กระดาษสา) หรือใบลานก็พบบ้างในบางวัด จุดที่หก วิหารพระเจ้าเพชร เป็นพระวิหารหลังใหญ่ประจำวัดเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าเพชร (หลวงพ่อเพชร) พระประธานประจำวัดซึ่งประดิษฐานอยู่ในฐานชุกชีสีขาวประดับด้วยเกร็ดแก้วสวยงามมากภายในพระวิหารจะมีการประดับตกแต่งเสาด้วยลายไทยน่าจะผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนาประกอบแบบศิลปะไทยภาคกลาง ดูมีความขลัง และมีเส่น่ห์สวยงามไปอีกแบบ จุดที่เจ็ด ซุ้มพระอุปคุตอรหันต์เจ้า เป็นซุ้มที่ประดิษฐานพระอุปคุตซึ่งเป็นพระอรหันต์จะประดิษฐานบนฐานชุกชีสีทองสวยงามมากตามตำนานเชื่อว่าพระอุปคุตเป็นเป็นพระอรหันต์ที่จำพรรษาอยู่สะดือทะเล บางตำนานเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ที่เฝ้ารอยพระพุทธบาท ณ แม่น้ำคงคา (เรา ๆ ท่าน ๆ มักจะเห็นว่าเทศกาลลอยกระทงจุดประสงค์ที่เราลอยกระทงก็เพื่อขอขมาพระแม่คงคา ขอบูชารอยพระพุทธบาท และบูชาพระอุปคุตที่เฝ้ารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า) และนอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าใครได้กราบ บูชา สักการะขอพรพระอุปคุตคนนั้นจะโชคดี พบแต่ความสุข ไม่จน ไม่เจ็บ....ทราบแล้วรออะไรครับ กราบขอพรเลย.... อย่าลืมนะครับถ้ามีโอกาสผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเข้ามากราบขอพร เข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้ามาทำบุญได้ตามความสะดวก ขอบอกเลยว่าหากท่านพลาดแล้วจะพูดได้คำเดียวว่า เสียดายจริง ๆ เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ....ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน ดร.อาบแสงจันทร์ ต.