ช่วงนี้ระวังหน่อย เห็นทำร้ายใครบ่อย ๆ ช่วงนี้ ระวังหน่อย ระวังเขาจะเอาคืน เพื่อน ๆ รู้เคยคุ้นหูหรือได้ฟังเพลงนี้บ้างหรือเปล่าครับ? เพลงนี้เป็นเพลงที่ พี่อะตอม ชนกันต์เป็นคนแต่งและร้องขึ้นมา โดยถ้าฟังเพื่อความบันเทิง ก็จะทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกอินและสนุกไปกับมัน ผมก็เช่นกันครับแต่พอมาลองฟังซ้ำอยู่ทุกวันทำให้ผม ฉุกคิดขึ้นมาว่า เอ๊ ! เราเลยทำตัวนิสัยไม่ดีกับใครไว้บ้างนะ ถ้าลองนับ ๆ ดูตั้งแต่เกิดมาก ก็หลายเรื่อง ๆ อยู่นะ ประกอบกับช่วงนี้ รู้สึก สะเพร่าบ่อยจาก ปกติเป็นคนโก๊ะ ๆ อยู่แล้วชนโน่นชนนี่เป็นปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะพบเจอเรื่องร้าย ๆ เข้ามาในชีวิตบ่อยเหลือเกิน รวมถึงปัญหาที่วุ่นวายทางการเมือง หรือสถานการณ์บนโลกนี้ที่ดูจะวุ่นวายไปเสียหมด รู้สึกจิตใจไม่เป็นปกติเลย อยากจะเดินเข้าป่าให้รู้แล้วรู้รอดไปซัก 1 ปี และค่อยกลับออกมาแต่พอมามองดูความเป็นจริงเราไม่อาจทำอยู่นั้นได้ เพราะมิสเตอร์เควิ่นมีครอบครัวที่ต้องดูเเล เลยลองศึกษาหาข้อมูลแหล่งปฏิบัติธรรม ในช่วงเวลาที่ถูกพักงานสั้นๆ เข้าไปสงบจิตใจสัก วัน 2 วัน คงจะทำให้จิตใจสงบขึ้น และต้องเป็นแหล่งใกล้บ้านด้วยนะไม่อยากออกไปไกลจนข้ามจังหวัด โชคดีที่เชียงใหม่ มีแหล่งศูนย์ปฏิบัติธรรม วันวัดที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของจังหวัด นั้นก็คือ วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม หรือ ที่เพื่อน ๆ สายปฏิบัติธรรม อาจจะรู้จักในนาม ศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติ วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม ที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Umongmeditation center นั่นเอง ฮั่นแน่! มิสเตอร์เควิ่น เกริ่นมายาวขนาดนี้ต้องอยากจะรู้จักแล้วล่ะสิ หรือ เพื่อน ๆ คนไหนที่รู้จักอยู่แล้วก็จะถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว มาครับ เรามาทำความรู้จัก ประวัติ ที่มา ของวัดนี้เบื้องต้นกันก่อนเลยว่าทำไมวัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่สำคัญ และเป็นแหล่งที่นิยมของนักปฏิบัติธรรมกันเยอะขนาดนี้ วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม หรือ วัดอุโมงค์ เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่หลากหลายเรื่องราวจากในอดีต โดยเมื่อย้อนกลับไปที่ปี พ.ศ. 1839 มี 3 เจ้าพระยาคือ พ่อขุนรามคำแหง พระยามังราย พระเจ้างำเมือง ต่างคนต่างมีความเลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนา และ ได้รวมกันทรงทำนุบำรุง ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ให้รุ่งเรืองใน ล้านนา โดย วัดเวฬุกัฏฐาราม (วัดอุโมงค์ในปัจจุบัน) ถูกสร้างขึ้นมาจากความตั้งใจของพระยามังราย เมื่อสร้างสำเร็จจึง อาราธนา พระมหากัสสปะเถระ มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ เมื่อพระยามังรายได้ สวรรคต ทำให้ศาสนาพุทธขาดการทำนุบำรุง ผ่านมา อีก 17 ปีเมื่อปี พ.ศ.1910 เป็นสมัยของ พระเจ้ากือนาธรรมาธิราช ที่เป็นคนที่เลื่อมใสใน พระมหาเถระจันทร์ จึงสั่งในคนบูรณะวัด เวฬุกัฏฐาราม เพื่อมอบให้แก่ พระเถระจันทร์ จำพรรษาที่วัดนี้ แตั้งชื่อว่าวัดอุโมงค์เถรจันทร์ โดยมีการซ่อมแซมพอกปูน สร้างอุโมงค์ไว้ในทางทิศเหนือจากเจดีย์ ภายในอุโมงค์มีทางเดิน4 ช่องทางเชื่อมต่อกันได้ ต่อมาพม่าได้เข้ามายึดครองในปี พ.ศ.2106 หลังจากที่ ราชวงค์มังรายได้ล่มสลายไป ทำให้วัดอุโมงค์ขาดการทำนุบำรุง ปล่อยให้รกร้าง และต่อมาพระเจ้าชื่น สโรรสได้เข้ามาจัดการแผ้วถางบูรณะวัดนี้ และสร้างกุฏิหลังใหม่เพิ่มเพื่อ นิมนต์พระภิกษุปัยญานันทะ มาจำพรรษา และท่านได้เผยแผ่ศาสนาอีกสืบไป หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้อ่านประวัติก่อนจะมาเป็นวัดอุโมงค์ อาจจะสับสนบ้างไหมครับ เพราะเปลี่ยน คนบูรณะมามากมายเหลือเกินแต่ก็เพื่อทำให้ศาสนาได้คงอยู่เป็นเสาหลังที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในพื้นที่ได้ทำความดี ก็ถือเป็นความตั้งใจของผู้ที่เข้ามาบูรณะ และวัดอุโมงค์สวนพุทธรรม ก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแผ่ศาสนาทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติธรรม เพื่อสร้างสันติสุขแก่มนุษย์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีความต้องการอยากจะมาศึกษา พระพุทธศาสนา ทำให้ในปี 2551 มหาเถรสมาคมให้รับรองว่าเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดแห่งที่ 7 ทางสำนักปฏิบัติธรรมมีห้องพักรับรองรับเข้าอบรมปฏิบัติธรรมทั้งที่เป็นส่วนตัวและเป็นคณะ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่น และสงบร่มเย็น เหมาะการทำสมาธิ กำหนดลมหมายใจอยู่กับปัจจุบัน สำหรับคนที่จิตใจวุ่นวายอย่าง มิสเตอร์เควิ่นนี้แน่นอน นอกเหนือจาก มีสำนักฏิบัติธรรมแล้วยังมี จุดสำคัญภายในวัดที่น่าสนใจอีกหลายจุดไม่ว่าจะเป็น อุโมงค์ใต้เจดีย์ อุโมงค์ในวัดอุโมงค์ พระเจดีย์ 700 ปี พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ชมเศียร พระพุทธรูปสกุลช่างพะเยา เสาอโศกจำลอง หอธรรมโฆษณ์ โดยที่เพื่อน ๆ ที่สนใจอยากจะไปเดินชมที่วัดหรือใครที่อยากไปปฏิบัติธรรมสงบจิตสงบใจก็ตาม กันมาได้ ตามที่อยู่ที่ ถนนราชภาคินัย ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ นั้นเอง เดี๋ยวเราจะเอาลิงก์ลงด้านใต้ไว้ ติดตามกันมานะเผื่อใครหลง สำหรับบทความในวันนี้มิสเตอร์เควิ่นขอตัวก่อน หวังว่าจะเป็นบทความเป็นเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ นะ แผนที่เส้นทาง วัดอุโมงค์ ปล.ภาพทั้งหมดเป็นภาพของผู้เขียนเอง