สวัสดีครับนักเที่ยวสายบุญทั้งหลายวันนี้ผู้เขียนมีวัดดีดีมานำเสนออีกแล้วครับท่าน วัดที่ว่านี้เป็นวัดที่อยู่ในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่นี้เองเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความน่าสนใจ และสถานที่ภายในวัดมีความเป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่นที่ผู้เขียนเห็นว่าสวย สะดุดตา และน่าเที่ยวชมเป็นอย่างมากมาดูกันครับว่าวัดที่ว่านี้คือ“วัดเทพประสิทธิ์ (ปางสัก)” สำหรับวัดเทพประสิทธิ์ (ปางสัก) นี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ครับสังเกตง่าย ๆ หากท่านเดินทางมาจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่จะใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เมื่อเข้าเขตอำเภอฝางวัดจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ (ก่อนถึงสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เชียงใหม่ เขต 3 ประมาณ 300 เมตร) จุดแรก จะพบกับพระวิหารประจำวัดครับ สำหรับพระวิหารนี้ชาวพุทธเราใช้เป็นที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาล งานบุญต่าง ๆ หรือแม้แต่กระทั่งการบวชสามเณรก็จะมีการประกอบพิธีในพระวิหาร (ต่างกับอุปสมบท เพราะจะทำกันที่พระอุโบสถเท่านั้น) นอกจากนี้ในสมัยก่อนพระวิหารยังเป็นแหล่งชุมนุมของชาวบ้านหากเมื่อมีเรื่องที่ต้องปรึกษากิจการอื่น ๆ ภายในหมู่บ้านหรือชุมชน และจุดสะดุดตาอีกจุดหนึ่งคือบันไดสองฝั่งก่อนขึ้นไปบนพระวิหารจะมีพญานาคสีทองสองตนขนาดทางขึ้นบันไดซ้าย-ขวา ชาวพุทธมีความเชื่อผูกพันกับพญานาคมาช้านานครับตามตำนานพุทธประวัติก็จะมีปรากฎบางช่วงตอน เช่น ในตอนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิได้เสวยวิมุตติสุขเป็นเวลา 7 วัน ก็ได้มีพญานาคนามว่าพระยามุจรินทร์นาคราช ได้แปลงกายเป็นพญานาคมาแผ่พังพานบดบังแสงแดด ปัดเป่าแมลงไม่ให้มารบกวนพระวรกายพระพุทธองค์เป็นต้น จุดที่สอง หอพระไตรปิฎก เป็นเรือนสูงสองชั้น (ทำจากไม้ทั้งหลัง) ทางวัดใช้เป็นที่สำหรับเก็บรวบรวมคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา หนังสือสำคัญต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งคัมภีร์ใบลาน ปั๊บสา เป็นต้น ถือว่าแต่เดิมหอพระไตรปิฎกนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ของวัดแต่ละวัด (ผู้เขียนสังเกตว่าหากวัดใดแต่ก่อนมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ๆ ทางวัดจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเก็บตำรา คัมภีร์ต่าง ๆ ไว้ในหอธรรม) ประมาณว่าที่ใดมีหอพระไตรปิฎกแสดงว่าวัดนั้นเป็นแหล่งหรือเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ และเรียนรู้ จุดที่สาม ศาลาพระพุทธรูปปางประทานพรประดิษฐานอยู่ในศาลา สวยงามสง่ามาก ตรงนี้ขอเสริมเกร็ดความรู้นิดหนึ่งนะครับเพื่อเป็นจุดสังเกต...ตามประวัติที่ผู้าเขียนทราบกล่าวว่าสำหรับประทับยืนของปางประทานพรแตกต่างกับปางขอฝนที่การห้อยพระหัตถ์อีกข้าง ซึ่งปางประทานพรจะทรงห้อยพระหัตถ์ลง แต่ปางขอฝนจะทรงหงายพระหัตถ์ขึ้นในกิริยารับน้ำฝน นอกจากนี้ยังแตกต่างกับปางประทานพรที่พระหัตถ์ข้างที่ทรงผายออก โดยปางประทานพรพระหัตถ์ข้างที่ทรงยกขึ้นจะงอปลายนิ้วลงมาเล็กน้อยหรือทรงทำสัญลักษณ์ แต่ปางประทานอภัยจะทรงตั้งนิ้วขึ้นเสมอกันและมิทรงงอปลายนิ้วลงเลย (อันนี้ผู้เขียนก็เพิ่งทราบนะครับเนี๊ยะ) มาแล้วรอไรกราบขอพรเลยซิครับ..... จุดที่สี่ พระเจดีย์ทองจะมีลักษณะเป็นพระเจดีย์โขงโด่ยรองจะมีพระพุทธรูปปางประทานพรประดิษฐานอยู่ประจำโขงสวยงามมากด้านบนจะมีพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีทอง และปรายยอดจะมียอดฉัตรสีทองเมื่อมาถึงแล้วอย่าลืมเข้ามากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่าน และครอบครัวนะครับ จุดที่ห้า จุดสุดท้ายศาลาเปรียญเป็นศาลาที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม งานบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ที่น่าสนใจ และสะดุดตาคือภายในศาลาจะมีเรื่องราวภาพวาดบอกเล่าความเป็นมาขอนรก-สวรรค์ โดยมีการวาดไว้ข้างผนังของศาลา มีการบรรยายใต้ภาพตรงนี้ผู้เขียนว่าถือเป็นจุดเรียนรู้ได้อีกจุดหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เช่น บางภาพจบรรยายถึงความน่ากลัวของคนที่ผิดศีลข้อ 5 คือ ชอบดื่มสุรา ของเสพติดหากตายไปจะตกนรกจะมีการตัดสินจากพญายมบาลให้ได้รับโทษโดยการให้ดื่มน้ำร้อนในกระทะทองแดง หรือคนที่ผิดศีลข้อ 3 คือ ผิดลูก ผิดเมียผู้อื่นหากตายไปจะตกนรกจะมีการตัดสินจากพญายมบาลให้ได้รับโทษโดยการปีนต้นงิ้วมีอีกาปากเหล็กคอยจิก และหากจะลงมาจะมีหมานรกคอยกัด ขู่อยู่ด้านล่าง (ดูแล้วน่ากลัวมาก) อย่าลืมนะครับถ้ามีโอกาสผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเข้ามากราบขอพร เข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้ามาทำบุญได้ตามความสะดวก ขอบอกเลยว่าหากท่านพลาดแล้วจะพูดได้คำเดียวว่า เสียดายจริง ๆ เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ....ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้้เขียน ดร.อาบแสงจันทร์ ต.